ให้นักศึกษาเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและร่วมกันตอบคำถามที่มอบหมายให้
แบ่งปันความรู้เรื่องกลยุทธ์ KM (สำหรับนักศึกษาภาคปกติ)
มกราคม 8, 2013 โดย blogkannika
มกราคม 8, 2013 โดย blogkannika
ให้นักศึกษาเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและร่วมกันตอบคำถามที่มอบหมายให้
ให้ศึกษาองค์กรธุรกิจที่ประสบความสาเร็จในการจัดการความรู้ โดยศึกษาในหัวข้อต่อไปนี้
ศึกษาธุรกิจกระดาษ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ
1. วิสัยทัศน์/พันธิกิจ จุดอ่อนและจุดแข็ง
ดั๊บเบิ้ล เอ มุ่งมั่นสู่การเป็นแบรนด์กระดาษคุณภาพของโลก สร้าง “กระดาษจากคันนา” เป็นมาตรฐานใหม่ที่ไม่เพียงมุ่งเน้นการผลิตกระดาษคุณภาพที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ทั่วโลก แต่ยังใส่ใจตั้งแต่วิธีคิด วิธีผลิตกระดาษที่เน้นถึงความยั่งยืนและไม่ทำของเสียให้เสียของ
1. ทำให้ “กระดาษจากคันนา” เป็นทางเลือกใหม่ของผู้บริโภคที่ได้เลือกใช้กระดาษคุณภาพไปพร้อมกับช่วยลดโลกร้อน เพราะการผลิต “กระดาษจากคันนา” ทำให้เกิดการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่าการปลดปล่อยออกสู่ระบบ (กระดาษดั๊บเบิ้ลเอ 1 รีม ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 12.5 กิโลกรัม)
2. สร้างแหล่งวัตถุดิบที่ยั่งยืน โดย “ต้นกระดาษบนคันนา” ทำให้เราสามารถพึ่งพาตนเองได้ทางด้านวัตถุดิบ และเป็นแหล่งสร้างรายได้เสริมที่ยั่งยืนแก่สังคมชนบท
3. “ทำของเสีย ไม่ให้เสียของ” โดยนำของเหลือจากการผลิตกระดาษมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าใช้เอง ไม่รบกวนแหล่งพลังงานจากภายนอก และเหลือใช้เป็นพลังงานทดแทนของชาติ
2.กลยุทธ์ของการจัดการความรู้/แนวทางการจัดการความรู้
อุตสาหกรรมกระดาษดั้งเดิม จะอยู่บนพื้นฐานของการพัฒนาอุตสาหกรรมป่าไม้ ที่ใช้วัตถุดิบไม้จากป่าธรรมชาติ ซึ่งเป็นไม้อายุกว่า 50 ปี แต่สำหรับ ดั๊บเบิ้ล เอ การพัฒนาอุตสาหกรรมกระดาษยุคใหม่ อยู่บนแนวคิดของการพัฒนาการเกษตรของไทย อันเป็นรากฐานหลักของประเทศ ด้วยการพัฒนาไม้เกษตรมาใช้เป็นวัตถุดิบ โดยอาศัยความได้เปรียบของประเทศทั้งในด้านภูมิประเทศ ภูมิอากาศความสามารถและความชำนาญด้านการเกษตรของคนไทย ทำให้สามารถใช้ต้น กระดาษ ดั๊บเบิ้ล เอ อายุเพียง 3-4 ปี เป็นวัตถุดิบที่ยั่งยืน ทำให้ ดั๊บเบิ้ล เอ เป็นกระดาษจากไม้ปลูกของเกษตรกรไทย ไม่ใช้ไม้จากป่าธรรมชาติอย่างเด็ดขาด
กระดาษ ดั๊บเบิ้ล เอ จึงมีวัฎจักรหมุนเวียน เริ่มจากแสงแดดแหล่งพลังงานที่ไม่ต้องซื้อหาสังเคราะห์แสงเป็น ต้น กระดาษที่เติบใหญ่ อยู่ในการเลี้ยงดูของเกษตรกรนับล้านครอบครัวผลัดกันยืนต้นปกคลุม ผืนดินในพื้นที่ที่เคยรกร้างหรือตามแปลงคันนาที่ไม่เคยใช้ประโยชน์ เพิ่มพูนความชุ่มชื้นสู่อากาศโดยรอบ สร้างออกซิเจนสู่บรรยากาศ 1.6 ล้านตันต่อปี และช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ 2.4 ล้านตันต่อปี เป็นพื้นที่การเกษตรสีเขียวที่มีผู้ดูแล และผู้ดูแลก็คือเกษตรกรที่มีผลตอบแทน มีรายได้ มีอาชีพที่ยั่งยืนไปด้วยพร้อม ๆ กัน สอดคล้องกลมกลืนกับการเกษตรแบบสวนผสมของเกษตรกรไทย สามารถปลูกต้นกระดาษ ดั๊บเบิ้ล เอ ควบคู่กับพืชเกษตรอื่น โดยใช้เวลาว่างจากการปลูกพืชตามฤดูกาลในแต่ละปี เป็นการลดการว่างงานแอบแฝงในภาคการเกษตร เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร และลดปัญหาสังคมในชุมชนอีกด้วย
“นอกจากนี้ ต้นกระดาษ ดั๊บเบิ้ล เอ ยังเป็นพืชที่สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก จากข้อได้เปรียบของประเทศไทยที่ตั้งอยู่ในแถบเส้นศูนย์สูตร ทำให้มีแสงแดด และอยู่ในแถบมรสุมจึงมีฝนตกอย่างสม่ำเสมอ ประกอบการวิจัยและพัฒนาพันธุ์มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้น กระดาษ ดั๊บเบิ้ล เอ ไม้จึงเติบโตได้ดีและรวดเร็ว และผลของการพัฒนาปริมาณเยื่อในเนื้อไม้ ทำให้ต้นกระดาษ ดั๊บเบิ้ล เอ มีวัตถุดิบในการผลิตเยื่อที่มีคุณภาพสูงเหมาะกับการผลิต กระดาษ คุณภาพสูง เนื้อกระดาษของ ดั๊บเบิ้ล เอ ที่อัดแน่นด้วยเนื้อเยื่อคุณภาพมากถึง 22 ล้านไฟเบอร์ต่อแกรม ในขณะที่กระดาษทั่วไปมีเพียง 13 ล้านไฟเบอร์เท่านั้น จึงทำให้เนื้อกระดาษ ดั๊บเบิ้ล เอ มีลักษณะเรียบลื่น และมีคุณภาพสูงกว่ากระดาษทั่วไป ซึ่งผู้บริโภคสามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง
3. ขอบเขตและเป้าหมายการจัดการความรู้
ดั๊บเบิ้ล เอ มีนโยบายที่จะสนับสนุนส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้ หรือ การรักการอ่านในกลุ่มนักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป เพื่อให้เกิดการเรียนรู้จากการอ่าน เป็นสังคมแห่งปัญญา สร้างความแข็งแกร่งให้ประเทศชาติ โดยทำมาอย่างต่อเนื่องพร้อม ๆ กับการสร้างแบรนด์เลยทีเดียว เช่น โครงการ ดั๊บเบิ้ล เอ เล่านิทานให้น้องฟัง, โครงการปันนิทานแด่น้อง, โครงการค้นหาสุดยอดนักเล่านิทานรุ่นจิ๋ว การสนับสนุนงานสัปดาห์หนังสือฯ และงานมหกรรมหนังสือ ฯ อย่างต่อเนื่อง การสนับสนุนโอลิมปิกทางวิชาการในด้านต่าง ๆ ทั้งคอมพิวเตอร์โอลิมปิก ฟิสิกส์โอลิมปิก รวมถึงการสนับสนุนโครงการใหญ่อย่าง โครงการ เด็กไทยรวมใจอ่านถวายในหลวง 60 ล้านเล่ม ที่ชักชวนให้เด็ก ๆ มาร่วมกันอ่านหนังสือ เป็นการทำความดีถวายในหลวงของเรา รวมทั้งโครงการล้านความรู้ในตู้หนังสือ
นอกจากนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ยังมีโครงการเพื่อรักการอ่านต่อเนื่องอีกโครงการหนึ่ง คือ โครงการ “ดั๊บเบิ้ล เอ สื่อสร้างปัญญา” ที่ ดั๊บเบิ้ล เอ ต้องการผลักดันให้เกิดหนังสือดี ๆ ในสังคมมากขึ้นเพื่อให้หนังสือเหล่านี้ดึงให้เยาวชนและคนในสังคมมาอ่าน หนังสือกันมากขึ้น โดยที่ผ่านมาได้ร่วมกับสำนักพิมพ์หลายแห่งเปิดตัวหนังสือใหม่ ๆ ไปแล้ว 40 เล่ม คือ ตกผลึกคนทำงาน, จริตมาร์เก็ตติ้ง, ร้อยเรื่องล้านนา, ไม่คิดก็ไม่มี, หนังสือช่างแม่, หนังสือช่างพูด, ธงชัย ใจดี บนทางสู่ดาว, สกัดต่อมเครียด,เรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกา … ไม่ยากอย่างที่คิด,คำสอนของคุณทวด แรงบันดาลใจสู่ความสำเร็จ,ลอจิสติกส์การตลาด และ“การจัดการคลังสินค้าระดับโลก และเตรียมจะเปิดตัวอีกหลาย ๆ เล่ม โดยเราจะเน้นหนังสือที่ให้ความรู้ ความเชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ
4. ขั้นตอนการจัดการความรู้/กระบวนการจัดการความรู้
1. การบ่งชี้ความรู้ เป็นการพิจารณาว่าองค์กรมีวิสัยทัศน์ พันธกิจ ยุทธศาสตร์ เป้าหมายคืออะไร และเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เราจำเป็นต้องใช้อะไร ขณะนี้เรามีความรู้อะไรบ้าง อยู่ในรูปแบบใด อยู่ที่ใคร ทางบริษัทมีการตั้ง วิสัยทัศน์ และพันธกิจ ไว้อย่างชัดเจน และสามารถปฎิบัติได้
2. การสร้างและแสวงหาความรู้ เช่นการสร้างความรู้ใหม่ แสวงหาความรู้จากภายนอก รักษาความรู้เก่า กำจัดความรู้ที่ใช้ไม่ได้แล้ว ทางบริษัทมีการวิจัยทดลองผลิตเนื้อเยื่อกระดาษ คัดเลือกเทคโนโลยีที่ทันสมัย
3. การจัดความรู้ให้เป็นระบบ เป็นการวางโครงสร้างความรู้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเก็บความรู้อย่างเป็นระบบในอนาคต วางแผนพัฒนาคนกับ IT คัดเลือกบุคคลากรคุณภาพ
4. การประมวลและกลั่นกรองความรู้ เช่น ปรับปรุงรูปแบบเอกสารให้เป็นมาตรฐาน ใช้ภาษาเดียวกัน ปรับปรุงเนื้อหาให้สมบูรณ์ ทางบริษัทมีการทำประชาพิจารย์
5. การเข้าถึงความรู้ เป็นการทำให้ผู้ใช้ความรู้เข้าถึงความรู้ที่ต้องการได้ง่ายและสะดวก เช่น ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) Web board บอร์ดประชาสัมพันธ์ เป็นต้นทางบริษัทมีการจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของทางบริษัท
6. การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ ทำได้หลายวิธีการ โดยกรณีที่เป็นความรู้ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) อาจจัดทำเป็นเอกสาร ฐานความรู้ เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือกรณีที่เป็นความรู้ฝังลึก (Tacit Knowledge) จัดทำเป็นระบบทีมข้ามสายงาน กิจกรรมกลุ่มคุณภาพและนวัตกรรม ชุมชนแห่งการเรียนรู้ ระบบพี่เลี้ยง การสับเปลี่ยนงาน การยืมตัว เวทีแลกเปลี่ยนความรู้และทางบริษัทมีการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ เป็นต้น
7. การเรียนรู้ ควรทำให้การเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของงาน เช่น เกิดระบบการเรียนรู้จากสร้างองค์ความรู้ การนำความรู้ในไปใช้ เกิดการเรียนรู้และประสบการณ์ใหม่ และหมุนเวียนต่อไปอย่างต่อเนื่อง ทางบริษัทเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับหลายบริษัทเพื่อแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ทางธุรกิจ และก่อเกิดเป็นความรู้ต่างๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
5. ความสาเร็จที่ได้รับ/ผลที่ได้รับ
จากการศึกษาค้นคว้าความสำเร็จของบริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ จำกัดมหาชน นั้นพบว่าความสำเร็จของ ดั๊บเบิ้ล เอ มี 2 ด้าน คือ ด้านคุณภาพ และด้านการตลาด
ด้านคุณภาพ
ประสบความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นกระดาษคุณภาพระดับโลก ที่มีการควบคุมการผลิตที่สม่ำเสมอ เราควบคุมได้ตั้งแต่ไม้ที่นำมาเป็นวัตถุดิบ ขั้นตอนการผลิต การเก็บในคลังสินค้า หรือแม้กระทั่งการควบคุมความชื้นในการจัดส่งและแพคเกจ
ด้านการตลาด
ดั๊บเบิ้ล เอ มีการสร้างแบรด์อย่างเป็นระบบ และsupport อย่างต่อเนื่อง มีการใช้ศาสตร์ทุกอย่างมาช่วยในการสร้างแบรนด์ออกไปสู่ประเทศต่างๆทั่วโลก และยังมีการขยายธุรกิจออกไปโดยใช้ศูนย์ถ่ายเอกสาร ดั๊บเบิ้ล เอ ก๊อปปี้ เซ็นเตอร์, ร้าน ดั๊บเบิ้ล เอ สเตชั่นเนอรี่ ไปจนถึงบริการต่าง ๆ ผ่าน 1759 เพื่อทำให้ ดั๊บเบิ้ล เอ มี ผลิตภัณฑ์พร้อมอยู่ในทุก ๆ ที่ ที่ผู้บริโภคมีความต้องการ (Anywhere as you wish)
นอกจากนั้นทางบริษัทยังมีนโยบายในการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ดั๊บเบิ้ล เอ มีนโยบายที่จะสนับสนุนส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้ หรือ การรักการอ่านในกลุ่มนักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป เพื่อให้เกิดการเรียนรู้จากการอ่าน เป็นสังคมแห่งปัญญา สร้างความแข็งแกร่งให้ประเทศชาติ โดยทำมาอย่างต่อเนื่องพร้อม ๆ กับการสร้างแบรนด์เลยทีเดียว เช่น โครงการ ดั๊บเบิ้ล เอ เล่านิทานให้น้องฟัง, โครงการปันนิทานแด่น้อง ฯลฯ
ให้ศึกษาองค์กรธุรกิจที่ประสบความสาเร็จในการจัดการความรู้ โดยศึกษาในหัวข้อต่อไปนี้
1. วิสัยทัศน์/พันธิกิจ จุดอ่อนและจุดแข็ง
เพื่อเป็นผู้พิชิตปัญหาด้านการสื่อสารโทรคมนาคมที่มุ่งเน้นลูกค้าแบบครบวงจร” และสร้างคุณค่าของ True ให้เกิดขึ้นในใจของลูกค้าในด้านความเชื่อถือ, ดูแลห่วงใย, สร้างสรรค์ทางเลือกใหม่, และกล้าคิด กล้าลอง กล้าทำ
2. กลยุทธ์ของการจัดการความรู้/แนวทางการจัดการความรู้
กลยุทธ์ในภาคการบริการของ True จึงเน้น “ความพึงพอใจของลูกค้า” เป็นกรอบการทำงาน การเริ่มต้น KM ของ True เริ่มจากความต้องตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าในช่วงต้น ประกอบกับบริษัทมีสินค้าและการบริการที่หลากหลายมาก ความต้องการที่จะขยับตัวชี้วัดที่ทำให้ลูกค้าพอใจ ได้แก่ ความรู้ในตัวสินค้า ความรวดเร็ว ความสุภาพอ่อนโยน และการติดตามบริการต่อเนื่อง อีกทั้งมี agents กว่า 1,500 หน่วยที่ต้องตอบลูกค้าให้เป็นแนวทางเดียวกัน และการศักยภาพในการเพิ่มผลผลิต บวกกับประสิทธิผลของการทำงาน ด้วยเหตุทั้งปวงนี้ เป็นโจทย์ที่ True คาดว่า KM คงสามารถช่วยให้คำตอบได้ จึงเกิดเป็น KM ตั้งนั้นมา ในเดือนมกราคม 2001 จึงเกิดระบบ KM นำร่องเพื่อธุรกิจ Call Center ต่อมาได้เข้าร่วมโครงการ KM นำร่องร่วมกับสถาบันเพิ่มผลผลิต จนเกิดพัฒนารูปแบบ KM Organization และจนปัจจุบันเกิดการพัฒนาจนได้ CM web Phase 3
3. ขอบเขตและเป้าหมายการจัดการความรู้
บริษัท ทรู นั้นมียุทธศาสตร์ รูปแบบการกระจายความรู้ผ่านทางสื่ออิเล็คทรอนิกค์ และ การใช้คอมพิวเตอร์ หรือรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ได้ความล้ำสมัยในการทำงาน ซึ่งมีผลทำให้พนักงานของบริษัท ทรู มีการทำงานที่พัฒนาขึ้น และ ทำให้ผู้ที่มาติดต่อก็ได้รับความพึ่งพอใจกับไปทุกรายเช่นกัน
4. ขั้นตอนการจัดการความรู้/กระบวนการจัดการความรู้
1. พฤติกรรมของคนที่มีต่อการเปลี่ยนแปลง จำเป็นต้องใช้เวลาในการสร้างความเข้าใจวัฒนธรรมความร่วมไม้ ร่วมมือในการทำงาน รู้ว่าต้องค้นหาสิ่งจูงใจคนให้เจอเพื่อนำไปสู่การโน้มน้าวให้ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งต้องมีแผนการจัดการความเปลี่ยนแปลงรองรับ
2. การสื่อสารในทุกระดับ ต้องหาวิธีอธิบายให้คนเข้าใจว่าทำ KM ไปเพื่ออะไร การสร้างกลวิธีในการย้ำเตือน เช่น สร้างภาพลักษณ์บางอย่างให้ติด ตรึงใจ และต้องทำอย่างต่อเนื่อง
3. กระบวนการและเครื่องมือ ต้องทำกระบวนการให้ง่ายและสะดวกใช้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ยุ่งยากต่อการทำความเข้าใจ KM ไม่ใช้เทคโนโลยี หรือว่าชุดวิธีการเพียงลำพัง แต่เป็นการ “ปฏิบัติจริง” ที่ต้องเชื่อมมิติของ คน กระบวนการ และเทคโนโลยี ระบบ KM ที่ชาญฉลาดนั้นจำเป็นต้องสร้างขึ้นมาให้เหมาะกับการใช้ของคน
4. ฝึกให้คนสามารถใช้ระบบที่สร้างขึ้นมาได้ พัฒนาคนมากพอจำนวนหนึ่งและทำแต่เนิ่นๆ เพื่อให้คนเหล่านี้สามารถช่วยเหลือระหว่างกันได้ด้วย การแลกเปลี่ยนวิธีการทำงานจะช่วยให้พนักงานได้เกิดการเรียนรู้ระหว่างกันเอง
5. การวัดผล โลกธุรกิจจำเป็นต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่า เกิดความคุ้มค่าทางการลงทุน เกิดประสิทธิผล เวลาตอบสายลูกค้าลดลง สามารถตอบครั้งเดียวโดยไม่ต้องโอนสายต่อ เกิดนวัตกรรมทางการบริการ ลูกค้าสามารถแก้ไขปัญหาได้เองมากขึ้น
6. การให้เกียรติและสร้างการให้รางวัล จะช่วยเสริมแรงให้คนสร้างความรู้ใหม่ วิธีการทำงานใหม่ๆ และสร้างวัฒนธรรมการทำงานเป็นทีม สร้างระบบการให้รางวัลที่ไม่จำเป็นต้องตัวเงิน แต่สร้างให้เกิดความภาคภูมิใจ
5. ความสาเร็จที่ได้รับ/ผลที่ได้รับ
ทำให้ True ได้ Central Knowledge Center ซึ่งได้รวบรวมเอกสารนับพันฉบับในระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการตอบคำถามลูกค้า พนักงานกว่า 1,500 คนสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ให้แก่ลูกค้าได้ในเวลาอันรวดเร็ว และเอกสารกว่า 50,000 หน้าที่ได้เปิดใช้งาน ได้ระบบสื่อสารโทรคมนาคมที่ทรงอานุภาพสำหรับ Call Center และตัวแทนขาย
ให้ศึกษาองค์กรธุรกิจที่ประสบความสาเร็จในการจัดการความรู้ โดยศึกษาในหัวข้อต่อไปนี้
1. วิสัยทัศน์/พันธิกิจ จุดอ่อนและจุดแข็ง
บริษัท สแปนชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด (ชื่อเดิม คือ บริษัท เอเอ็มดี (ไทยแลนด์) จำกัด เมื่อได้รวมสายการผลิตกับฟูจิตสึ จึงเปลี่ยนมาเป็น “สแปนชั่น”) เป็นผู้ผลิตแผงวงจรไฟฟ้า (IC) ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
2. กลยุทธ์ของการจัดการความรู้/แนวทางการจัดการความรู้
จะมุ่งเน้นที่การจัดการความรู้ที่เป็นความรู้หลักสำคัญขององค์กร ในเชิงวิศวกรรมและเทคนิคเฉพาะด้าน
3. ขอบเขตและเป้าหมายการจัดการความรู้
เพื่อการพัฒนาการจัดการความรู้และแบ่งปันความรู้ที่เป็นระบบ กิจกรรมที่อยู่ในโครงการนำร่อง คือ
1.โครงการเพื่อพัฒนาผลิตภาพอย่างต่อเนื่อง
2.การนำเสนองานและโครงการด้านวิศวกรรม
3.การนำเสนองานในฝ่ายสนับสนุน
4.เอกสารประกอบการอบรม
5.สิทธิบัตร
6.สิ่งตีพิมพ์ทางวิชาการ
7.ความรู้จากบริษัทคู่ค้า
4. ขั้นตอนการจัดการความรู้/กระบวนการจัดการความรู้
1.การปรับเปลี่ยน (Transition) มีการจัดตั้ง “คณะทำงาน การจัดการความรู้ (KM Team)” โดยผู้บริหารมีส่วนร่วมในกิจกรรมและให้ความสำคัญกับการจัดการความรู้ มีการประชุมและติดตามความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
2.การปรับพฤติกรรม (Behavior Management) โดยการประเมินพฤติกรรมของพนักงานในส่วนต่างๆ คณะทำงานจะตั้งคำถามเพื่อใช้ในการวางแผนและออกแบบระบบ เช่น พนักงานจะเข้าถึงความรู้ที่แฝงอยู่ทั้งภายในและภายนอกองค์กรได้อย่างไร พนักงานจะได้ความรู้อะไรใหม่ๆ เพิ่มขึ้นบ้าง เป็นต้น
3.การสื่อสาร (Communication) โดยผ่านช่องทางที่มีอยู่ในบริษัท คือ นิตยสาร การประชุม วิทยุกระจายเสียง และ e-mailสแปนชั่น ยังมีคำขวัญและสัญลักษณ์ของการจัดการความรู้ “แบ่งปันความรู้ นำไปสู่ความสร้างสรรค์”
4.process and tools บริษัทพัฒนาโปรแกรม Knowledge Portal มาใช้ในการรวบรวมข้อมูลสารสนเทศ ประสบการณ์และความรู้ในการทำงานต่างๆ เครื่องมือนี้จัดทำขึ้นโดยอยู่บนเว๊บ เพื่อให้การแลกเปลี่ยนความรู้ที่เป็นเอกสาร อิเล็กทรอนิกส์ การจัดเก็บ จัดกลุ่ม และแลกเปลี่ยนความรู้บนเว๊บบอร์ดเกิดขึ้นโดยสะดวกและมีประสิทธิภาพ
5.learning บริษัทมีโปรมแกรมในการพัฒนาบุคลากรและเสริมสร้างให้เกิดการเรียนรู้ พนักงานทุกคนจะมี training roadmap และยังมีการสนับสนุนให้พนักงานทุกคนมีการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยมีห้องโสตทัศนูปกรณ์ ห้องฝึกอบรมด้วยคอมพิวเตอร์ และทุนการศึกษาให้กับพนักงานแต่ละระดับ
6.measurements จะมีการวัดผลการแลกเปลี่ยนความรู้กันใน 3 ระดับ คือ การวัดด้านระบบ เพื่อวัดประสิทธิภาพของโปรแกรม Knowledge Portal และพฤติกรรมขององค์กร การวัดผลลัพธ์ของระบบ เพื่อวัดสมรรถภาพด้านเทคนิคของพนักงานในบริษัท และการวัดผลลัพธ์สุดท้ายของระบบ เพื่อการวัดผลการดำเนินงานของบริษัท
7.system performance เป็นการติดตามการลงทะเบียนความรู้ การเข้าไปและแลกเปลี่ยนความรู้ใน Knowledge Portal โดยวัดจากสถิติการเข้าชม จำนวนผู้เข้าชม จำนวนความเห็นบนเว๊บบอร์ด เป็นต้น
8.recognition and reward การให้รางวัลและยกย่องเป็นส่วนที่กระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้
5. ความสาเร็จที่ได้รับ/ผลที่ได้รับ
การได้รับความร่วมมือจากพนักงานและผู้บริหาร หากขาดการสนับสนุนจากผู้บริหารแล้วก็ยากที่กิจกรรมจะประสบความสำเร็จได้ เมื่อผู้บริหารให้ความสำคัญก็จะเป็นแบบอย่างให้กับพนักงาน และระบบ IT ที่มีประสิทธิภาพของบริษัท เป็นเครื่องมือสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมให้เกิดการจัดการและแลกเปลี่ยนความรู้ในบริษัท ทั้งการใช้โปรแกรม Knowledge Portal และการใช้ e-mail เพื่อการติดต่อสื่อสาร
นางสาวณัฏฐรีย์ เตชาจินดานนท์ 2531051641173
ให้ศึกษาองค์กรธุรกิจที่ประสบความสาเร็จในการจัดการความรู้ โดยศึกษาในหัวข้อต่อ
ร้าน 7-eleven
1. วิสัยทัศน์/พันธิกิจ จุดอ่อนและจุดแข็ง
วิสัยทัศน์ (Vision) “ เราคือผู้ให้บริการความสะดวกซื้อ กับลูกค้าทุกชุมชน”
พันธกิจ (Mission)
• มุ่งมั่นอย่างไม่หยุดยั้งในการสรรหา และส่งมอบสินค้าและบริการที่ลูกค้าสะดวกซื้อต้องการ
• สรรหา ทำเลร้านสาขาที่เข้าถึงลูกค้า ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
• สร้างภาวะผู้นำทุกระดับ และส่งเสริมให้เกิดบรรยากาศการทำงานที่ดี
• สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับสังคมและชุมชน
• สร้างองค์กรคุณภาพ และมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้
• บริหารกิจการให้มีผลตอบแทนการลงทุนที่ดี และบริหารตามหลักธรรมาภิบาล
จุดแข็ง
1 บริษัทประกอบด้วยพนักงานและบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ เนื่องจาก 7-Eleven ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนมาอย่างต่อเนื่อง มีการส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพเพื่อรองรับการขยายสาขา และรองรับการแข่งขันที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ 7-Eleven ประสบความสำเร็จได้ สามารถมีสาขาร้านค้ามากมาย
2 ผู้บริหารของบริษัทให้ความสำคัญต่อการสรรหาพนักงานมากพอ ๆ กับการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน โดยให้ความสำคัญต่อการคัดเลือกคนดีมากกว่าคนเก่ง ซึ่งผู้บริหารเชื่อว่าพนักงานที่รับเข้ามาใหม่ยังไม่มีความรู้ ความสามารถในระดับที่เรียกว่า “คนเก่ง” ก็สามารถพัฒนาภายหลังได้ แต่การสร้างคนให้เป็นคนดีต้องใช้เวลานาน วิธีการสรรหาของ
จุดอ่อน
1 การที่พนักงานและบุคลากร ของ 7-Eleven มีความรู้ความสามารถ อาจเป็นช่องทางให้บริษัทคู่แข่งธุรกิจเดียวกันเข้ามาซื้อตัวพนักงาน โดยอาจเสนออัตราเงินเดือน และผลตอบแทนที่สูงกว่าเพื่อดึงดูดพนักงานของ 7-Eleven ได้ เพราะปัจจุบันนี้การแข่งขันที่สูง หากมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมแรงร่วมใจพัฒนาองค์กร จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว
2 ผู้บริหารของบริษัทให้ความสำคัญต่อการสรรหาพนักงานมากพอ ๆ กับการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน โดยให้ความสำคัญต่อการคัดเลือกคนดีมากกว่าคนเก่ง ซึ่งผู้บริหารเชื่อว่าพนักงานที่รับเข้ามาใหม่ยังไม่มีความรู้ ความสามารถในระดับที่เรียกว่า “คนเก่ง” ก็สามารถพัฒนาภายหลังได้ แต่การสร้างคนให้เป็นคนดีต้องใช้เวลานาน วิธีการสรรหาของบริษัท ใช้วิธีการหลายรูปแบบด้วยกัน เช่นการประกาศรับสมัครทางสื่อต่าง ๆ การคัดเลือกนักศึกษาที่จบใหม่จากมหาวิทยาลัย การเข้าร่วมงานนัดพบแรงงาน และการรับสมัครใน Internet เป็นต้น ซึ่งทำให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลมีโอกาสที่จะคัดเลือกพนักงานได้มาก
2.กลยุทธ์ของการจัดการความรู้/แนวทางการจัดการความรู้
1 โลเคชั้นใหม่ใกล้กับผู้บริโภค การก้าวขึ้นสู่มาตรฐานแห่งความเป็นที่สุด หมายความว่าผู้บริโภคจะได้รับการบริการด้วยรอยยิ้ม และอิ่มอร่อยด้วยอาหารและเครื่องดื่มที่สดใหม่แบบวันต่อวัน
คงไม่มีใครปฏิเสธในความสำเร็จของ 7-eleven ได้ ซึ่งความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากการที่ 7-eleven ไม่เคยหยุดที่จะค้นหาพื้นที่สำหรับสาขาใหม่ของตัวเองอยู่เสมอ โดยผสมผสานกลยุทธ์สำคัญสองส่วนคือ การกำหนดเป้าหมายที่เจาะจงและชัดเจนสำหรับสาขาใหม่ และการเฟ้นหาร้านค้าที่สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดเป็นแฟรนไชส์ 7-eleven ได้ นอกจากนี้ 7-eleven ยังไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง ด้วยการขยายกลุ่มสินค้าใหม่ๆ เสมอ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามในขนาดพกพา ไส้กรอกรูปแบบและรสชาติใหม่ๆ รวมไปถึงสินค้าอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์อย่างที่ชาร์ตแบตเตอรี่ในรถยนต์
2.วัฒนธรรมขององค์ที่แข็งแกร่ง การบริหารจัดการพนักงานภายในองค์กรอย่างเป็นทีมเวิร์ค แสดงออกซึ่งสมรรถภาพในการทำงานที่ดีเยี่ยม ให้บริการอย่างดีที่สุดทุกครั้ง ความเป็นผู้นำที่สร้างให้เห็นเป็นตัวอย่าง คือหนึ่งแนวคิดสำคัญที่ Joe DePinto CEO ของ 7-eleven ยึดถือมาโดยตลอด
วัฒนธรรมองค์กรคืออีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ 7-eleven ไม่เคยละเลย การบริหารจัดการพนักงานภายในองค์กรอย่างเป็นทีมเวิร์ค แสดงออกซึ่งสมรรถภาพในการทำงานที่ดีเยี่ยม ให้บริการอย่างดีที่สุดทุกครั้ง ความเป็นผู้นำที่สร้างให้เห็นเป็นตัวอย่าง คือหนึ่งแนวคิดสำคัญที่ Joe DePinto CEO ของ 7-eleven เลือกยึดถือมาโดยตลอด เกิดเป็นคุณลักษณะการบริหารที่เรียกว่า Servant Leadership Culture หรือผู้นำแบบให้บริการคนอื่นก่อน
หลักการของ Servant Leadership เป็นการเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับภาวะผู้นำที่ยึดถือกันมาในอดีต เนื่องจากในอดีตเรามักจะมองผู้นำขององค์กรในลักษณะ “ฉันมาคนเดียว” แต่ผู้นำที่เป็น Servant Leadership จะเป็นผู้นำที่มุ่งเน้นในเรื่องของการทำความเข้าใจในวิสัยทัศน์ร่วมกันของทั้งองค์กร ผลักดันให้คนในองค์กรสามารถบริหารงานในความรับผิดชอบตนเองได้ เน้นการพึ่งพาและทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ สนับสนุนให้มีการเรียนรู้จากความผิดพลาด ดังนั้นผู้นำที่จะมีลักษณะเป็น Servant Leadership ได้จะต้องเป็นคนที่มีความรู้สึกหรือความอยากที่จะสนับสนุน พัฒนา ตอบสนอง บริการ หรือช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ก่อนแล้ว
3 ความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชน
ความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชนเป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ 7-eleven สามารถขยายขอบเขตแห่งความสำเร็จออกไปได้ไกลเกินคาด 7-eleven มีความเชื่อในเรื่องการสนับสนุน หรือปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนที่สาขาแฟรนไชส์ของตัวเองไปตั้งอยู่ นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ 7-eleven มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับคนในชุมชนนั้นๆ โดยยึดถือ 4 กุญแจสำคัญที่ทำให้ผู้คนในพื้นที่ร่วมกันสร้างชุมชนที่แข็งแรง ได้แก่ ความปลอดภัย การศึกษา สุขภาพ และความมีชีวิตชีวาในชุมชน ความพิเศษที่ 7-eleven มอบให้สังคมนั้นเป็นเครื่องการันตีได้ว่า 7-eleven จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมที่มีคุณภาพสำหรับคนรุ่นหลังได้ต่อไป
3. ขอบเขตและเป้าหมายการจัดการความรู้
เพื่อ ร้าน 7-eleven มีเครือข่ายมากมายทั่วประเทศ และมีการจัดทำกระบวนการจัดการความรู้ โดยการใช้ Knowledge Asset ( KA ) โดยมีการจัดทำแผนพัฒนาองค์กร ซึ่งประกอบไปด้วยการเรียนรู้ร่วมกันทั่วทั้งองค์กร และนำเอากิจกรรมต่าง ๆ มาแบ่งปันความรู้กันภายในองค์กร รวมถึงการแบ่งการสื่อสารแบบ 2 way communication และการนำเอา tacit มาเป็น Explicit และมีการใช้แบบจำลอง ที่เริ่มจาก Input , Process , Output
4. ขั้นตอนการจัดการความรู้/กระบวนการจัดการความรู้
1. การบ่งชี้ความรู้ เป็นการพิจารณาว่าองค์กรมีวิสัยทัศน์ พันธกิจ ยุทธศาสตร์ เป้าหมายคืออะไร และเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เราจำเป็นต้องใช้อะไร ขณะนี้เรามีความรู้อะไรบ้าง อยู่ในรูปแบบใด อยู่ที่ใคร ทางบริษัทมีการตั้ง วิสัยทัศน์ และพันธกิจ ไว้อย่างชัดเจน และสามารถปฎิบัติได้
2. การสร้างและแสวงหาความรู้ เช่นการสร้างความรู้ใหม่ แสวงหาความรู้จากภายนอก รักษาความรู้เก่า กำจัดความรู้ที่ใช้ไม่ได้แล้ว ทางบริษัทมีการวิจัยทดลองผลิตเนื้อเยื่อกระดาษ คัดเลือกเทคโนโลยีที่ทันสมัย
3. การจัดความรู้ให้เป็นระบบ เป็นการวางโครงสร้างความรู้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเก็บความรู้อย่างเป็นระบบในอนาคต วางแผนพัฒนาคนกับ IT คัดเลือกบุคคลากรคุณภาพ
4. การประมวลและกลั่นกรองความรู้ เช่น ปรับปรุงรูปแบบเอกสารให้เป็นมาตรฐาน ใช้ภาษาเดียวกัน ปรับปรุงเนื้อหาให้สมบูรณ์ ทางบริษัทมีการทำประชาพิจารย์
5. การเข้าถึงความรู้ เป็นการทำให้ผู้ใช้ความรู้เข้าถึงความรู้ที่ต้องการได้ง่ายและสะดวก เช่น ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) Web board บอร์ดประชาสัมพันธ์ เป็นต้นทางบริษัทมีการจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของทางบริษัท
6. การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ ทำได้หลายวิธีการ โดยกรณีที่เป็นความรู้ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) อาจจัดทำเป็นเอกสาร ฐานความรู้ เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือกรณีที่เป็นความรู้ฝังลึก (Tacit Knowledge) จัดทำเป็นระบบทีมข้ามสายงาน กิจกรรมกลุ่มคุณภาพและนวัตกรรม ชุมชนแห่งการเรียนรู้ ระบบพี่เลี้ยง การสับเปลี่ยนงาน การยืมตัว เวทีแลกเปลี่ยนความรู้และทางบริษัทมีการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ เป็นต้น
7. การเรียนรู้ ควรทำให้การเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของงาน เช่น เกิดระบบการเรียนรู้จากสร้างองค์ความรู้ การนำความรู้ในไปใช้ เกิดการเรียนรู้และประสบการณ์ใหม่ และหมุนเวียนต่อไปอย่างต่อเนื่อง ทางบริษัทเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับหลายบริษัทเพื่อแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ทางธุรกิจ และก่อเกิดเป็นความรู้ต่างๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
5. ความสาเร็จที่ได้รับ/ผลที่ได้รับ
ความสำเร็จของ 7-eleven ที่ผ่านมากับระยะเวลา 85 ปี และจำนวนสาขาทั่วโลกกว่า 46,000 สาขา ในวันนี้ 7-Eleven Inc. ยกระดับมาตรฐานความคาดหวังของผู้บริโภคสู่การบริหารจัดการระบบที่ดียิ่งขึ้น
นายสุทธินันท์ รัตนาเลิศ ปี3 สารสนเทศ
http://kmo9nattiya.wordpress.com/
นางสาวณัฐติยา แก้วพูลผล เลขที่ 1 2531051641103 การพัฒนาซอฟต์แวร์
https://knowledge19.wordpress.com/
นาย สุทธิพงษ์ คงกล่ำ 2531051641169
http://note2u.wordpress.com/2013/01/09/
นางสาวญาณิศา ผลคิด 2531051641119
บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตเลียม จำกัด (มหาชน)
ความเป็นมาโดยสังเขป
บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตเลียม จำกัด (มหาชน) ได้เริ่มจดทะเบียนในปี ค.ศ. 1985 โดยในเริ่มต้นมีสัมปทานเพียง 3แห่ง ปัจจุบันมีพนักงาน 1,026 คน และมีโครงการร่วม 31 โครงการ ใน 9 ประเทศ
หน้าที่
สำรวจหาพลังงานในรูปของน้ำมันหรือก๊าซมาใช้ในประเทศ ซึ่งควรมีปริมาณที่มากพอและราคาถูกเมื่อสังเกตจากภูมิประเทศของประเทศไทยพบว่าไม่สามารถหาได้มากเช่นนั้น จึงต้องหาพลังงานจากภายนอกมาสนับสนุน
1. วิสัยทัศน์/พันธิกิจ จุดอ่อนและจุดแข็ง
วิสัยทัศน์
เป็นบริษัทแนวหน้าและสามารถเทียบเคียงกับบริษัทในต่างประเทศจากหน้าที่และวิสัยทัศน์ที่กำหนดบริษัทจึงจำเป็นต้องมีการกระจายการทำงานไปทั่วโลก ดังนั้นพนักงานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องมีความสามารถในการทำงาน ซื่อสัตย์ และพร้อมที่จะเรียนรู้กับเพื่อนร่วมงาน
ทำไมถึงต้องมีการจัดการความรู้
ในปีพ.ศ. 2540 เป็นยุคที่เศรษฐกิจฟองสบู่ของประเทศ รัฐบาลของความร่วมมือในในการงดจ้างชาวต่างประเทศและการฝึกอบรมนอกประเทศ การพัฒนาคนจึงหันมาที่การพัฒนาภายใน บริษัทจึงหันมาศึกษาแนวคิดของการจัดการความรู้ และนอกจากนี้บริษัทได้เริ่มทำงานกับบริษัท โทเทล จำกัด และพบว่าการทำงานของพนักงานทั้ง 2 กลุ่มมีจุดประสงค์ต่างกัน จากวัฒนธรรมการทำงานต่างกันบริษัทจึงหันมาใช้แนวคิดของการสร้างองค์กรการเรียนรู้มาแก้ไขปัญหา โดยเริ่มจากพนักงานระดับธุรการ และ เลขานุการให้สร้างมาตรฐานในการเขียนรายงาน การออกหนังสือ เป็นต้น และให้นำมาเสนอที่ประชุมผู้บริหาร ในปีต่อมาจึงเริ่มในฝ่ายบุคลากรและทุก ๆ คนในองค์กร ในปี 1997 บริษัทต้องการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้และเป็นช่วงที่ Peter Senge มาประเทศไทย จึงให้มาพูดแนวคิดของการจัดการความรู้และองค์กรแห่งการเรียนรู้ให้บริษัทฟัง
2. กลยุทธ์ของการจัดการความรู้/แนวทางการจัดการความรู้
แนวคิดและวิธีดำเนินการ
การที่บริษัทจะเป็น Knownlege Base Company ได้บริษัทต้องปรับคนให้เห็นประโยชน์ มีวิสัยทัศน์ร่วมกันก่อน โดยเริ่มจากการให้ความรู้กับผู้บริหารเพื่อให้มีความเข้าใจเหมือนกันก่อน จึงใช้วิธีที่ให้ผู้บริหารเลือกพนักงานมา 1 คน มาเป็นกระจกเงาให้ผู้บริหารมีหน้าที่จดพฤติกรรมของผู้บริหารท่านนั้นและรายงานให้ทราบ
การเริ่มต้น
คนเรามี Competencies อยู่ 2 แบบ คือ ประการแรก Technique Competencies เกิดประสบการณ์และการฝึกฝนเทคนิคต่างๆในชีวิตประจำวัน และประการที่สอง Learning Competencies เกิดจากการฝึกฝนของตนเองซึ่งการที่จะเกิด Learning Competenciesประกอบด้วยปัจจัย 3 ประการ คือ
1. แรงบันดาลใจ ที่สามารถให้ตนเองและคนรอบข้างสนใจและกระตือรือร้นที่จะทำงาน ซึ่งต้องใช้การสร้างวิสัยทัศน์และวุฒิภาวะของผู้นำ
2. การแก้ไขปัญหาที่ซ้ำซ้อน ด้วยการคิดอย่างเป็นระบบ
3. การสะท้อนกลับของการติดต่อ ด้วยการสร้างทีมการเรียนรู้และการสร้างกฎในวงสนทนา
การฝึกฝนให้ประสบความสำเร็จ
1. ต้องมีการตรวจสอบความคิด ความเชื่อและสมมุติฐาน การสรุปความคิดของเราเองและผู้อื่น นั่นคือต้องมีความเข้าใจในความคิดของเราและผู้อื่น
2. ต้องลดความไม่เข้าใจ ความไม่ไว้วางใจกัน
3. ขอบเขตและเป้าหมายการจัดการความรู้
เครื่องมือที่ใช้
1. การลดการใช้หรือการใช้ให้เหมาะสมของความคิดด้านซ้าย (Left Hand Column) ความคิดของคนเรามี 2 ส่วน คือ ความคิดด้านขวาหรือความคิดทางบวก และความคิดด้านซ้ายหรือความคิดทางลบ ซึ่งเป็นความคิดเห็นที่เราไม่ควรพูดในที่สาธารณชน เราต้องจัดการความคิดให้เหมาะสม หากไม่สามารถจัดการได้ก็อาจกลายเป็นมลพิษในตนเอง หรือถ้าพูดออกไปก็อาจเกิดความไม่เหมาะสม จึงต้องฝึกวิธีการพูด ควรคิดก่อนพูด และอย่าตัดสินใจคนเพียงแค่การมองเห็นเท่านั้น ต้องหาข้อมูลก่อนตัดสินใจ
2. การพูดคุยที่ดี (Dialogue) เป็นวิธีการพูดคุยที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความเข้าใจและเพื่อการเรียนรู้ โดยมีวิธีการดังนี้
– ผู้ที่จะพูดได้คือผู้ที่มีไมค์อยู่ในมือ
– ให้พูดให้ทุกคนฟัง ผู้พูดจึงต้องไม่มองหน้าคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ
– การพูดและการแสดงความคิดเห็นต้องจบภายในห้องประชุม ห้ามนำไปพูดหรือวิจารณ์นอกห้องประชุม
3. การมีผู้ช่วยคอยสะท้อนพฤติกรรม (Refectic Patnering) การสะท้อนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยเป็นการสรุปสิ่งที่ไม่ควรทำ เช่น การมาสาย การไม่เสนอความคิดเห็น โดยการสะท้อนพฤติกรรมเช่นนี้ต้องแสดงสรุปในภาพรวม ไม่ระบุว่าเป็นใคร การสะท้อนพฤติกรรมเช่นนี้จะทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมจะหายไป
ทำอย่างไรให้คนอยากให้ความร่วมมือในการทำงาน
1. องค์กรควรให้โอกาสพนักงานในการพูดและแสดงความคิดเห็นในการทำงาน
2. องค์กรควรทำความเข้าใจกับพนักงานใน วิสัยทัศน์ขององค์กร และต้องให้พนักงานรู้ว่าตนเองควรมีบทบาทและหน้าที่อย่างไรที่จะช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จในพันธกิจที่กำหนด หากองค์กรดำเนินการทั้ง 2 ข้อ พนักงานจะรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร และรู้สึกว่าบริษัทให้เกียรติพนักงานให้มีส่วนในการวางแผนในการทำงานและเป็นส่วนที่ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จ จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้พนักงานมีความอยากที่จะให้ความร่วมมือกับองค์กร
4. ขั้นตอนการจัดการความรู้/กระบวนการจัดการความรู้
รู้ได้อย่างไรว่าองค์กรเราเป็นองค์การเรียนรู้
1. มีสำนึกและไวต่อสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไป
2. มีความยืดหยุ่นต่อการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง
3. มีการติดต่อสื่อสารที่เปิดเผย ซื่อตรง
4. พนักงานไม่ความกลัวในการทำงาน
5. มีความไว้วางใจและเคารพในกันและกันของสมาชิกองค์กรทั้งหมด
6. วิสัยทัศน์ร่วมมีความสอดคล้องกับค่านิยมองค์กร
7. มีพันธะสัญญา มุ่งมั่นที่จะบรรลุวิสัยทัศน์ร่วมกัน โดยไม่คำนึงถึงเฉพาะหน้าที่หลักที่ต้องรับผิดชอบแต่เพียงอย่างเดียว
8. มีความเข้าใจในความสลับซับซ้อนของความสัมพันธ์ในระบบโครงสร้าง
5. ความสาเร็จที่ได้รับ/ผลที่ได้รับ
ปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จ
1. ต้องมีการถ่ายโอนความรู้และสร้างเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้
2. ผู้บริหารให้การสนับสนุน
3. มีการสนับสนุนเทคโนโลยีที่เหมาะสม ง่าย สามารถใช้ได้สะดวก
4. มีระบบการให้รางวัลผู้ที่ถ่ายโอนความรู้ที่เหมาะสม
5. มีระบบการติดต่อสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ที่ได้จากการเป็นองค์กรการเรียนรู้
1. ได้ความคิดที่ดี
2. ได้การปฏิบัติที่ดี
3. ได้ผลผลิตที่ดี
4. ได้ความสัมพันธ์ที่ดี และทำให้เกิดความไว้วางใจในการทำงานร่วมกัน
นางสาวเฟื่องฟ้า ประดับเงิน 2531051641128
8. ให้ศึกษาองค์กรธุรกิจที่ประสบความสาเร็จในการจัดการความรู้ โดยศึกษาในหัวข้อต่อไปนี้
ธุรกิจ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
1.วิสัยทัศน์/พันธกิจ จุดอ่อนและจุดแข็ง
วิสัยทัศน์ (Vision) เป็นผู้นำและสร้างสรรค์ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่น เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนรุ่นใหม่
พันธกิจ (Mission) รักษาคุณภาพการผลิตและการบริการธุรกิจ ทางด้านอาหาร เบเกอรี่ และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ มุ่งมั่นสร้างและรักษาความนิยมของผู้บริโภค ในสินค้าของ “โออิชิ” ให้มีความต่อเนื่อง อีกทั้งให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐาน มีการจัดการด้านสุขลักษณะที่ดี
จุดอ่อน Weakness
1. เนื่องจากบริษัทมีนโยบายซื้อวัตถุดิบที่มีคุณภาพเพื่อผลิตสินค้าออกมาให้ได้มาตรฐาน แหล่งซื้อวัตถุดิบบางชนิดจึงต้องซื้อจากผู้ขายรายเดียวหรือต้องใช้วัตถุดิบบางชนิดส่วนใหญ่จากผู้ขายเพียงรายเดียว ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงจากวัตถุดิบขาดแคลนหรือขาดอำนาจจาการต่อรองราคา
2. ความผันผวนของราคาเนื่องจากการขึ้นราคาพลังงานชนิดต่างๆ และการนพธัญพืชมาผลิตเป็นพลังงานทดแทน และความต้องการใช้วัตถุดิบหลายๆ อย่างในประเทศ
3. การเสื่อมสภาพของวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์เนื่องจากในการดําเนินธุรกิจร้านอาหารนั้น บริษัทฯ ให้ความสําคัญกับคุณภาพ ความสดใหม่ของของวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์เป็นหลักสําคัญ
จุดแข็ง Strength
1. เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นบัฟเฟ่ต์รายแรกในประเทศไทย สร้างความแตกต่างให้กับผู้บริโภค และเปิดให้บริการทั้งวัน
2. สร้างแบรนด์ใหม่ให้มีชื่อเสียงสามารถทำให้ผู้บริโภคเชื่อถือทั้งในด้านคุณภาพและรสชาติของอาหาร สร้างความมั่นใจมีความสด สะอาด ปลอดภัย และความคุ้มค่าของผู้บริโภค ทั้งทางด้านปริมาณ และราคา
3. พัฒนาเมนูอาหาร ปรับเปลี่ยนให้มีความหลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
4. ความสามารถของฝ่ายบริหาร ที่เพิ่มและสร้างความแตกต่างไปจากบริษัทอื่น ทั้งทางด้านโฆษณา การลงทุนในผลิตภัณฑ์ต่างๆ
2. กลยุทธ์ของการจัดการความรู้/แนวทางการจัดการความรู้
เลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพปลอดภัยและสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า เพื่อให้ได้รับการยอมรับ จากทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ปรับปรุงกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในกระบวนการผลิต การวิจัย และการพัฒนาผลิตภัณฑ์
เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการแข่งขัน ในด้านราคาและด้านคุณภาพ กับคู่แข่งขัน ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศไทย มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมากขึ้น
3. ขอบเขตและเป้าหมายการจัดการความรู้
เป้าหมายการดำเนินธุรกิจ (Target) บริษัทฯมีเป้าหมายในการรักษาคุณภาพในการผลิตและบริการในธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น เบเกอรี่เพื่อสุขภาพ และสินค้าคุณภาพที่เกี่ยวเนื่องกับอาหารญี่ปุ่น มุ่งมั่นสร้างและรักษาความนิยมของผู้บริโภคสินค้าของ “โออิชิ” ให้มีความต่อเนื่อง และได้วางแผนการเพิ่มสาขาร้านอาหารและร้านเบเกอรี่ไว้ 2 รูปแบบ คือการลงทุนขยายสาขาด้วยบริษัทฯ เอง และขยายสาขาด้วยระบบแฟรนไชส์(Franchise) ทั้งนี้บริษัทฯ มีเป้าหมายขยายสาขาขั้นต่ำปีละ 10 สาขา เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการทั่วกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่มีศักยภาพและมีกําลังซื้อสูง สําหรับ เป้าหมายการเติบโตในตลาดเครื่องดื่มชาเขียวนั้น บริษัทฯมีเป้าหมายที่ จะเป็นหนึ่งในผู้นําในตลาดเครื่องดื่มชาเขียวภายในปี2548 ซึ่งเมื่อประเมินจากผลตอบรับที่ดีในเครื่องดื่มชาเขียว “โออิชิกรีนที” ของบริษัทฯ ที่ดําเนินการผลิตออกสู่ตลาดเองมาตั้งแต่ปี 2546 ผู้บริโภคให้ความนิยมในสินค้าค่อนข้างสูง โดยในช่วงเดือนมีนาคม 2547 – เมษายน 2547 บริษัทฯ มีส่วนแบ่ง ตลาดเครื่องดื่มชาเขียวร้อยละ 36 ดังนั้น บริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถดําเนินกลยุทธ์การตลาดและการขายอยางมีประสิทธิผลให้สามารถบรรลุเป้าหมายตามที่กําหนดได้นอกจากนี้เพื่อเสริมสายการผลิตและและเพิ่มความหลากหลายให้แก่ผู้บริโภค บริษัทฯ มีแผนงานที่จะเพิ่มสินค้าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพใหม่ๆที่สอดคล้องและเกี่ยวเนื่องกับสินค้าหลักคืออาหารญี่ปุนและเครื่องดื่มชาเขียวที่มีอยู่เดิม เพื่อให้บริษัทฯมีแหล่งของรายได้เพิ่มหลายทางมากยิ่งขึ้น
4. ขั้นตอนการจัดการความรู้/กระบวนการจัดการความรู้
1. กลุ่มลูกค้า
ร้าน บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จะมีกลุ่มลูกค้าาหลักจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้ มักมีกิจวัตรประจำวันที่ต้องใช้ Social Network อยู่เสมอ
2. แนวโน้มตลาด
แนวทางการทำตลาด บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) วางแผนใช้งบประมาณการตลาด เพิ่มขึ้น และจากเดิมมีชาเขียวพร้อมดื่ม 5 รสชาติ ตามด้วยเครื่องดื่มอะมิโน โอเค และน้ำส้มเซกิ ซูเปอร์ออเรนจ์และน้ำทับทิม เซกิ และเตรียมออกสินค้าใหม่ที่เป็นเครื่องดื่ม 2 ชนิด
3. วิเคราะห์คู่แข่งทางการตลาด
คู่แข่งทางการตลาดของบริษัทโออิชินั้นมีอยู่มากมายด้วยกันทั้งร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไปที่มีอยู่ตามท้องตลาดและในห้างสรรพสินค้าทั่วไป เช่น
คู่แข่งทางด้านอาหาร
1.ร้านยาโยอิ ร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่นิยมมากในประเทศญี่ปุ่น
2.ร้านอิจิบัง เป็นร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่น บาบีคิว และอาหารตามสั่ง
3.ร้านซูกิชิ เป็นร้านบาร์บีคิวสไตล์เกาหลีและอาหารญี่ปุ่น ซูกิชิ บุฟเฟ่ต์ ร้านสุกี้ยากี้ และซูชิบุฟเฟ่ต์บนสายพาน พร้อมเครื่องดื่มและของหวาน
4. ร้านฟูจิเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ พอๆ กันโออิชิและเป็นคู่แข่งที่สำคัญอันดับ 1 ของโออิชิ
ปัจจุบันโออิชิมีส่วนแบ่งตลาดในร้านอาหารญี่ปุ่นเป็นอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 35-36% จากมูลค่า 7,000 ล้านบาท แต่ในแง่ของอิมเมจความเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นยังเป็นที่ 2 รองจากฟูจิ ซึ่งตั้งเป้าอีก 2 ปี จะขึ้นเป็นอันดับ 1 ได้ เช่นเดียวกับภาพความเป็นเจเปนนิสฟู้ด ที่ตั้งเป้าอีก 2 ปี ที่จะเป็นผู้นำในด้านนี้ชัดเจนขึ้น
คู่แข่งทางด้านเครื่องดึ่ม
1. ยูนิฟ
2. เซนชะ
3.เพียวริคุ
4. ลิฟตัน
5. ความสาเร็จที่ได้รับ/ผลที่ได้รับ
ได้มีการค้าร่วมระหว่างกลุ่มโออิชิ และกลุ่มทีซีซี เกี่ยวกับด้านการส่งเสริมการขาย ซึ่งเป็นการเกื้อหนุนธุรกิจระหว่างกันโดยใช้การบริหารการจัดการทางการตลาดแบบ spider Marketing คือ การทำการตลาดครอบคลุมทุกช่องทางจำหน่าย ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนในการบริหารงานต่ำ และสามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงกิจกรรมทางการตลาดของกลุ่มบริษัทฯ ก็สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุด และเข้าสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างเต็มที่
นางสาวลูกน้ำ เกษี รหัส 2531051641132
ให้ศึกษาองค์กรธุรกิจที่ประสบความสาเร็จในการจัดการความรู้ โดยศึกษาในหัวข้อต่อไปนี้
บริษัท การบินไทย จำกัด ( มหาชน )
1). วิสัยทัศน์/พันธิกิจ จุดอ่อนและจุดแข็ง
วิสัยทัศน์ของบริษัทฯ
เป็นสายการบินที่ลูกค้าเลือกเป็นอันดับแรก ให้บริการดีเลิศด้วยเสน่ห์ไทย
บริษัท การบินไทย จำกัด ( มหาชน ) เป็นรัฐวิสาหกิจ ในสังกัดกระทรวงคมนาคม ดำเนินกิจการในด้านการบินพาณิชย์ในประเทศ และระหว่างประเทศ ในฐานะสายการบินแห่งชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นรัฐวิสาหกิจของชาติ ที่ดำเนินกิจการแข่งขันกับต่างประเทศ ในธุรกิจการบินโลก และเป็นรัฐวิสาหกิจที่สามารถทำกำไรต่อเนื่องเรื่อยมา ทั้งยังได้รับการยกย่องในด้านต่างๆ ให้อยู่ในระดับสายการบินชั้นนำของโลกเสมอมา
2). กลยุทธ์ของการจัดการความรู้/แนวทางการจัดการความรู้
– ให้บริการขนส่งทางอากาศอย่างครบวงจร ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยใส่ใจในเรื่องความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และ การบริการที่มีคุณภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจต่อลูกค้า
– มีการบริหารธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ และโปร่งใสด้วยความซื่อสัตย์สุจริตตามแนวทางปฏิบัติที่เป็นสากล และมีผลประกอบการที่น่าพอใจ เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น
– สร้างสิ่งแวดล้อมในการทำงานและให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม เพื่อจูงใจให้พนักงานเรียนรู้และทำงานอย่างเต็มศักยภาพ และภูมิใจที่เป็นส่วนร่วมในความสำเร็จของบริษัทฯ
– มีความรับผิดชอบต่อสังคม ในฐานะเป็นสายการบินแห่งชาติ
3). ขอบเขตและเป้าหมายการจัดการความรู้
ดำเนินงานในฐานะที่เป็นสายการบินแห่งชาติ เป็นตัวแทนของประเทศไทย ในการดำรงรักษาและเพิ่มพูนสิทธิด้านการบิน ร่วมส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แสวงหาและเพิ่มพูนรายได้ ทั้งในรูปเงินบาท และเงินตราต่างประเทศ นอกจากนั้น ยังดำเนินการส่งเสริมพัฒนาทรัพยากรบุคคลของบริษัทฯ ให้มีทักษะ และวิชาชีพที่เป็นมาตรฐานสากล รวมถึงส่งเสริมพัฒนาเทคโนโลยีทุกสาขาที่เกี่ยวข้อง ในการบินพาณิชย์ของโลก ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเผยแพร่วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี และเอกลักษณ์ของประเทศไทย สู่สายตาชาวโลกอย่างต่อเนื่อง
4). ขั้นตอนการจัดการความรู้/กระบวนการจัดการความรู้
ดำเนินงานหรือประกอบธุรกิจบนพื้นฐานของความเป็นธรรมและจริยธรรม ตลอดจนปกป้องรักษาผลประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัทฯ และตระหนักในคุณค่าของพนักงาน โดยยึดหลักว่าพนักงานทุกคนเป็นทรัพยากรที่สำคัญและเป็นตัวแทนของบริษัทฯ พนักงานทุกคนจึงมีส่วนร่วม และสนับสนุนความสำเร็จของบริษัทฯ
เพื่อบรรลุจุดประสงค์ดังกล่าว บริษัทฯ ได้กำหนดขัอพึงปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อเป็นหลักในการปฏิบัติงานของพนักงานทุกระดับ รวมทั้งกำหนดจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจโดยทั่วไป ดังนี้
1. ปฏิบัติต่อลูกค้าและผู้เกี่ยวข้องทางธุรกิจด้วยความเป็นธรรม ซื่อสัตย์ สุจริตและรักษาผลประโยชน์ของลูกค้าทุกคน
2. ไม่ฝักใฝ่ทางการเมือง โดยวางตัวเป็นกลางเพื่อสร้างประโยชน์ให้สังคมและประเทศชาติ
3. ดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของการแข่งขันที่เป็นธรรม
4. สนับสนุนการใช้ทรัพยากรภายในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
5). ความสาเร็จที่ได้รับ/ผลที่ได้รับ
ผลการดำเนินงานของการบินไทยมีกำไรต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีงบประมาณ2507/2508 จนถึงปัจจุบัน แม้ว่าธุรกิจการบินเป็นธุรกิจที่ต้องมีการลงทุนและค่าใช้จ่ายที่สูงมาก แต่การบินไทย ก็คงสถานะเป็นสายการบิน ที่ทำกำไรและผ่านวิกฤติการณ์ ที่กระทบกระเทือนธุรกิจการบินโลกมาด้วยดี และส่งรายได้สู่รัฐ ทั้งในรูปของเงินปันผลภาษีและอื่นๆ นอกจากผลการดำเนินการด้านกำไร การบินไทยยังได้ชื่อว่าเป็นผู้ร่วมบุกเบิกจุดบินใหม่ๆ จนได้เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก เช่น กาฐมาณฑุ เดนปาซาร์ และโกตากีนาบาลู ริเริ่มการบินเส้นทางตรงสู่ยุโรป รวมทั้งเปิดเส้นทางบินใหม่ๆ ในภูมิภาคนี้เพื่อใช้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางการบิน และได้ร่วมกำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติในด้าน กิจการบิน ดำเนินการพัฒนาการบินภายในประเทศ รวมถึงดำเนินการศูนย์ซ่อมเครื่องบิน ลำตัวกว้างจนได้รับความไว้วางใจจากทั่วโลก
นางสาวสุมาลี ทิพย์จันทร์ รหัส 2531051641138
ยูนิลีเวอร์ประเทศไทยUnilever Thai Trading
วิสัยทัศน์
ทุกๆ วันผลิตภัณฑ์ของเราสัมผัสชีวิตของผู้คนมากกว่า 160 ล้านคน ไม่ว่าจะรู้สึกดีเพราะมีผมสวยเป็นประกายและรอยยิ้มที่สดใส มีบ้านที่สะอาด หรือมีความสุขกับชารสเยี่ยมสักถ้วย ไปจนถึงอาหารที่เอร็ดอร่อย และของว่างที่ดีต่อสุขภาพ
พันธกิจ
การเติมพลังชีวิตของเราทำให้เราเติบโตทางธุรกิจโดยตอบประเด็นในเรื่องสุขภาพและโภชนาการ เรามุ่งเน้นที่หน้าที่หลักซึ่งประกอบด้วย โภชนาการของเด็กๆ และครอบครัว สุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด และการควบคุมน้ำหนัก
จุดอ่อน
1. ธุรกิจมีการเเข่งขันที่มีมากในธุรกิจ
2. มีการลงธุรที่มีวงเงินมาก
3. การตลาดมีการปรับระบบการขายในมีรูปเเบบที่เเปลกใหม่อยู่ตลอด
4. สินค้าบ้างชนิดยังเข้าไม่ถึงตัวลูกค้า
จุดแข็ง
1.ข้อ แตกต่างอย่างหนึ่งของยูนิลีเวอร์กับผู้เล่นรายอื่นๆ รวมถึงพีแอนด์จีก็คือ ยูนิลีเวอร์มีจุดแข็งที่ค่อนข้างจะเหนือกว่าในเรื่องของระบบจัดจำหน่ายที่มี การพัฒนาและหยั่งรากลึกลงในตลาดบ้านเรามาอย่างยาวนานมากกว่า
2.การ Penetrate ตลาดของยูนิลีเวอร์จะใช้ตัวสินค้าไซค์เล็กประเภทหลอด หรือซองเป็นหัวหอกพร้อมทั้งมีการใช้การตลาดเข้ามาช่วยสนับสนุนการขาย เช่น การจัดโปรโมชั่นราคา หรือนำซองเปล่ามาแลกสินค้าอีกตัวเพื่อให้เกิดการทดลองใช้ ซึ่งระบบการจัดจำหน่ายที่เข้าถึงร้านค้าย่อยที่ยูนิลีเวอร์ใช้ตัวแทนจำหน่ายที่เรียกว่าคอนเซสชั่นแนร์ จะเข้ามามีบทบาทในเรื่องดังกล่าว
3.ยูนิลีเวอร์จึงมีการเข้ามาทำการตลาดร่วมกับพันธมิตรเหล่านั้น และมีการปรับขอบเขตการเข้าถึงร้านค้าย่อยของคอนเซสชั่นแนร์เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองต้นทุนในเรื่องของค่าขนส่ง
กลยุทธ์ของการจัดการความรู้/แนวทางการจัดการความรู้
การทำงานด้วยความซื่อสัตย์
เราดำเนินงานด้วยความซื่อสัตย์และให้ความเคารพต่อสาธารณชน องค์กร และสิ่งแวดล้อม
ผลกระทบในเชิงบวก
เรา มีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างผลกระทบในเชิงบวกในหลายๆ ด้านผ่านผลิตภัณฑ์ของเรา การปฏิบัติการและความสัมพันธ์ทางการค้าของเรา ผ่านการบริจาคเงิน และวิธีอื่นๆ อีกมากมาย ที่เราให้กับสังคม
ความรับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง
เรา มุ่งมั่นที่จะปรับปรุงวิธีการที่เราจัดการกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่าง ต่อเนื่อง และกำลังดำเนินการเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายระยะยาวในการพัฒนาธุรกิจที่ ยั่งยืน
การกำหนดแรงบันดาลใจของเรา
วัตถุประสงค์ของบริษัทได้ กำหนดแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจของเรา โดยอยู่ภายใต้จรรยาบรรณทางธุรกิจซึ่งกล่าวถึงมาตรฐานในการดำเนินงานที่ทุกคน ในยูนิลีเวอร์จะต้องปฏิบัติตามในทุกๆ ที่ที่ยูนิลีเวอร์ตั้งอยู่ นอกจากนี้ จรรยาบรรณดังกล่าวยังสนับสนุนหลักบรรษัทภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคมของยู นิลีเวอร์อีกด้วย
การทำงานร่วมกันกับผู้อื่น
เราต้องการทำ ธุรกิจกับคู่ค้าซึ่งมีค่านิยมเดียวกันกับเรา และทำงานในมาตรฐานเดียวกันกับที่เราทำ โดยมีจรรยาบรรณทางธุรกิจที่คล้ายคลึงกัน และสอดคล้องกับของเราที่ครอบคลุมถึงความซื่อสัตย์ทางธุรกิจ และ ความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม
ขอบเขตและเป้าหมายการจัดการความรู้
ความมุ่งมั่นของเราภายในปี 2563 เราจะมีส่วนช่วยผู้คนกว่าพันล้านคนให้มีสุขลักษณะนิสัยที่ดีขึ้น และเราจะจัดเตรียมน้ำดื่มสะอาดให้คน 500 ล้านคน ซึ่งจะช่วยลดโรคติดต่อร้ายแรงอย่างโรคท้องร่วงได้
ขั้นตอนการจัดการความรู้/กระบวนการจัดการความรู้
มุ่งมั่นที่จะได้ชัยชนะ
• เรามุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ
• เรามุ่งครองความเป็นผู้นำในตลาดด้วยการให้บริการที่เหนือความคาดหมายของลูกค้าและผู้บริโภค
• เรามุ่งสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพสูงสุดในทุกภาระหน้าที่ที่รับผิดชอบ
มีจิตสำนึกของความเป็นเจ้าของธุรกิจ
• เรามีความคิดริเริ่มและความกระตือรือร้นที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
• เราจะนำเสนอแนวทางใหม่จากแนวคิดริเริ่มที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อความสำเร็จของธุรกิจ
• เรารอบคอบและกล้าเสี่ยงอย่างมีหลักเกณฑ์
ให้เกียรติและไว้วางใจซึ่งกันและกัน
• เราวางตนให้เป็นที่น่าเชื่อถือ มีความซื่อสัตย์จริงใจ และเปิดเผย
• เราใส่ใจต่อพนักงานและเพื่อนร่วมงานทุกคน
• เราให้เกียรติกันและกัน รวมทั้งให้เกียรติผู้บริโภค ลูกค้า ซัพพลายเออร์ และชุมชนที่ยูนิลีเวอร์เข้าไปประกอบกิจการ
การมอบอำนาจและความรับผิดชอบ
• เราพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่และการปฏิบัติงานเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร
• เรามีอิสระในการปฏิบัติงานที่อยู่ในความรับผิดชอบ
• การอุทิศตนและผลงานความสำเร็จจะได้รับการยกย่องและตอบแทนอย่างเหมาะสมและโปร่งใส
เติมเต็มให้กับชีวิต
• ความสำเร็จและความสุขในชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว
• เรารู้จักจัดลำดับความสำคัญของงานเพื่อประหยัดเวลาการทำงานของตนเองและผู้อื่น
• สนุกกับการทำงาน
พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง
• เรามีความรับผิดชอบที่จะไขว่คว้าหาความรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
• เราหมั่นเรียนรู้จากประสบการณ์ทำงาน สอนงาน และแบ่งปันความรู้นั้นให้แก่ผู้อื่น
• เราริเริ่มแนวคิดใหม่ๆ และมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ล้ำหน้าอย่างต่อเนื่อง
ความสาเร็จที่ได้รับ/ผลที่ได้รับ
พอล โพลแมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของโลก บอกว่า การเติบโตอีก 100% ในอีก 10 ปีถัดไปจากนี้เท่ากับว่า จะมีบริษัทที่ขนาดเท่ากันกับยูนิลีเวอร์ปัจจุบันอีกหนึ่งแห่งเกิดขึ้นและแน่นอนว่าความสำเร็จที่ไม่ธรรมดาครั้งนี้ ต้องมาจากกระบวนทัศน์ที่ต่างออกไปจากเดิม
ยูนิลีเวอร์แยกเรื่องการเติบโตของธุรกิจ กับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมออกจากกัน แต่ก็มีความสัมพันธ์ยึดโยงกันทุกจุด โดยใช้ 4 แกนหลักที่ว่าด้วย
1. นวัตกรรม
2. ผู้บริโภค
3. คู่ค้า
4. การเติบโต มาเป็นตัวเดินเรื่องประโยชน์ทางธุรกิจที่ได้จากการผนวกความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่เป็นเพียงการสร้างชื่อและภาพลักษณ์ แต่ถือเป็นมาตรการจริงจังในการสร้างธุรกิจให้เติบโต และสร้างเสริมผลกำไรทิศทางในอีก 10 ปีข้างหน้าของกลุ่มยูนิลีเวอร์ โดยประเทศไทยถือเป็นหนึ่งตลาดยุทธศาสตร์สำคัญจาก 20 ประเทศซึ่งเป็นตลาดหลักของยูนิลีเวอร์ ดังนั้นทุกการลงทุนจะมองถึงผลในระยะยาวเป็นหลักแบรนด์สำเร็จ ธุรกิจสำเร็จ ซีเอสอาร์ ในความคิด “ผมไม่อยากพูดว่ามันง่าย แต่เราจะทำ และวัดผลให้ได้”เพื่ออนาคตของยูนิลีเวอร์ เพื่ออนาคตที่ดีของคนรุ่นต่อไป
นางสาวเสาวณีย์ จินดารัตน์ รหัส 2531051641139
ให้ศึกษาองค์กรธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในการจัดการความรู้ โดยศึกษาในหัวข้อต่อไปนี้
1.วิสัยทัศน์/พันธกิจ จุดอ่อนและจุดแข็ง
วิสัยทัศน์องค์กร
การเป็นบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มระดับ แนวหน้าโดยมุ่งเน้นที่ความเป็นเลิศเชิงพาณิชย์ ความต่อเนื่องในการพัฒนาคุณภาพสินค้าให้อยู่ในระดับพรีเมี่ยมและความเป็นมืออาชีพ
พันธกิจ
การประสาน “สัมพันธภาพ” กับผู้มีส่วนได้เสียที่มี ความสำคัญกับบริษัทในทุกๆ ด้าน โดยมอบคุณค่าที่สำคัญ 6 ประการ
• มอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงสุดให้ลูกค้าทุกกลุ่ม
• ตอบสนองความต้องการของผู้แทนจำหน่ายโดยให้บริการอย่างมืออาชีพ
• ให้ความสำคัญเรื่องผลตอบแทนจากการลงทุนให้แก่ผู้ถือหุ้น ด้วยการเติบโตของรายได้และผลกำไรที่มั่นคงและต่อเนื่อง
• เป็นแบบอย่างในด้านความเป็นมืออาชีพ ความโปร่งใส และการดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาล
• มอบความไว้วางใจ อำนาจ และรางวัลแก่พนักงาน เพื่อสร้างความร่วมรับผิดชอบ และ
• สร้างประโยชน์ให้แก่สังคมจุดอ่อน
จุดอ่อน
จุดอ่อนเบียร์สิงห์ บริหารแบรนด์สองแบรนด์ [สิงห์และลีโอ] ทำให้เติบโตช้ากว่าเบียร์ช้างที่มีแบรนด์เดียว
จุดแข็ง
จุดแข็งเบียร์สิงห์คือ คุณภาพและความมีชื่อเสียงมีมายาวนานเก่าแก่ เบียร์ไทยเจ้าแรก ซึ่งสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อได้ยินคำว่า เบียร์ไทย ผู้บริโภคสามารถเชื่อมโยงถึงเบียร์สิงห์ได้ทันที เบียร์สิงห์มีการชูจุดขายที่ว่า “เมืองไทยของเรา เบียร์ไทยของเรา”
2. กลยุทธ์ของการจัดการความรู้/แนวทางการจัดการความรู้
วัฒนธรรมและพฤติกรรมของคนในองค์กร
คนในองค์กรต้องมีเจตคติที่ดีในการแบ่งปันความรู้ และนำความรู้ที่มีอยู่มาเป็นฐานในการต่อยอดความรู้ของคนรุ่นใหม่ต่อไป องค์กรเองต้องมีวัฒนธรรมภายในแห่งความไว้เนื้อเชื่อใจและให้เกียรติกัน เคารพในสิทธิและความคิดของผู้ร่วมงานในทุกระดับ แม้เป็นบุคลากรระดับล่างก็ตาม การเรียนรู้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเรื่อง แม้แต่สิ่งที่เป็นข้อผิดพลาดในอดีต
ผู้นำและการสร้างกลยุทธ์
ผู้บริหารระดับสูงต้องมีความเชื่อในคุณค่าของคนและความรู้ที่มีในองค์กร เข้าใจในลักษณะของปัญหาและพันธกิจขององค์กร ส่งเสริมและสนับสนุนความเป็นมืออาชีพในด้านต่างๆ ให้เกิดขึ้นค้นหาและเชิดชูกระบวนการทำงานที่เป็นเลิศจากหน่วยงานภายใน เป็นต้นแบบแห่งการเป็นผู้ริเริ่ม ในการแบ่งปันและเรียนรู้ กำหนดทิศทางในการพัฒนาระบบการจัดการความรู้ภายใน วางกลยุทธ์ในการจัดทำระบบการจัดการองค์ความรู้ที่จะประสบผลสัมฤทธิ์ เช่น เลือกทำอย่างไรให้คนในองค์กรอยากนำเรื่องที่ตนรู้ออกมาแบ่งปัน โดยไม่หวาดระแวงว่าจะเสียผลประโยชน์ ถูกแอบอ้างผลงาน ถูกเพื่อนร่วมงานไม่พอใจที่ตนมีความรู้มากกว่า เป็นต้น องค์กรที่จะประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ต้องสร้างอยู่บนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจ (Trust) และการให้เกียรติซึ่งกันและกัน (Mutual Respect) โดยกุญแจสำคัญที่จะไขประตูสู่โลกที่เปิดกว้างนี้คือ ผู้บริหารสูงสุดขององค์กรนั่นเอง
เทคโนโลยี
ความพร้อมของอุปกรณ์ของเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สามารถสนับสนุนการทำงานและการเรียนรู้ของคนในองค์กรได้ การสร้างฐานข้อมูลและการจัดการระบบฐานข้อมูล ตลอดจนวิธีการที่จะทำให้คนยอมใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเป็นสื่อกลางในการรวบรวมและส่งต่อขององค์ความรู้ที่สำคัญคือ สร้างระบบการป้องกันไม่ให้คนนอกเข้ามาก่อกวนและทำความเสียหายแก่ระบบฐานข้อมูลภายในได้ ขณะเดียวกันการจัดการความรู้ ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องใช้เครื่องมือและอุปกรณ์แพงๆ เพื่อสร้างฐานข้อมูลขนาดยักษ์แต่ไม่เอื้อประโยชน์ต่อการใช้งานของคนส่วนใหญ่ในองค์กร ผู้ที่ดูแลระบบนี้ต้องมีใจเปิดกว้างและมีความเพียรพยายามที่จะให้บริการแก่ผู้ใช้ เพื่อใช้ฐานข้อมูลและระบบคอมพิวเตอร์เอื้อประโยชน์ให้คุ้มค่าเงินที่ลงทุนไป
การวัดผลและการนำไปใช้
การจัดทำระบบการติดตามและวัดผลการจัดการความรู้และประโยชน์จากการนำไปใช้ การวางระบบการบริหารการจัดการ การรวบรวมข้อมูล และการรายงานผลการดำเนินการต่างๆ ที่จะเอื้อให้แผนงานของการจัดการความรู้ประสบผลสำเร็จ เพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนให้คนในองค์กรมีความกระหายอยากเรียนรู้ และอยากมีส่วนร่วมในการสร้างฐานความรู้ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
3. ขอบเขตและเป้าหมายการจัดการความรู้
– แนวทางที่ 1 เป็นความรู้ที่จำเป็นและสนับสนุนวิสัยทัศน์ พันธกิจ ประเด็นยุทธศาสตร์ของบริษัท
– แนวทางที่ 2 เป็นความรู้ที่สำคัญต่อองค์กร เช่น ความรู้เกี่ยวกับการบริการ ประสบการณ์ความรู้ที่สั่งสม
– แนวทางที่ 3 เป็นปัญหาที่สำนักประสบอยู่ และสามารถนำ KM มาช่วยได้
– แนวทางที่ 4 เป็นแนวทางผสมกันระหว่างแนวทางที่ 1,2 หรือ 3 หรือจะเป็นแนวทางอื่นที่เห็นว่าเหมาะสม
4. ขั้นตอนการจัดการความรู้/กระบวนการจัดการความรู้
1. การสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง
เบียร์ สิงห์มีการสร้างแบรนด์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา ประมาณ 60-70 ปี เพราะผู้บริหารมองว่าหากสินค้ามีแบรนด์แล้ว ก็สามารถเข้าถึงและยึดเหนี่ยวใจของผู้บริโภคได้ อีกทั้งเพื่อต้องการสร้างแบรนด์ให้ไปไกลถึงในระดับนานาชาติ ซึ่งในขณะนี้เบียร์สิงห์ได้ขยายฐานสินค้าไปถึงอเมริกาและยุโรปแล้วเป็นที่ เรียบร้อยแล้ว
2. การคงคุณภาพสินค้า
เบียร์ สิงห์ใส่ใจเรื่องของคุณภาพสินค้าเป็นอย่างมาก ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าได้มีการลดแอลกอฮอล์ลงจาก 6% เป็น 5.5% และลดความขมลงเพื่อให้คนรุ่นใหม่ดื่มได้ง่ายขึ้น แต่เนื้อเบียร์ยังเท่าเดิม รสชาติความเป็นไทย ยังคงเหมือนเดิม ทำให้ลูกค้าของเบียร์สิงห์ที่เคยดื่มยังชื่นชอบในรสชาติและคุณภาพของเบียร์ สิงห์ตลอดมา
3. มีเอกลักษณ์ของไทย
แบ รนด์เบียร์สิงห์มีต้นกำเนิดมาจากประเทศไทยแท้ๆ จึงมีการหยิบยกเอาจุดเด่นข้อนี้มาเป็นกลยุทธ์หลักในการสื่อสารไปหาผู้บริโภค ซึ่งเป็นคนไทยเช่นกัน การเชื่อมโยงประสบการณ์ต่างๆผ่านโฆษณาหรือสื่อต่างๆ รวมถึงผ่าน touch points ทั้งหมด เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความสอดคล้องกับความเป็นไทย ยกตัวอย่างเช่น รูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นลายสุริโยทัย ทำให้สะท้อนความเป็นไทยออกมา ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมต่างๆ ลายกนก ลายไทย หรือแม้กระทั่ง สแกนที่ว่า “เบียร์สิงห์ เบียร์ไทย” จึงมัดใจคนไทยและชาวต่างชาติได้ไม่ยาก
4. การมีทรัพยากรบุคลากรที่ดี
จะ เห็นได้จากการทำงานที่ตกทอดกันเป็นทายาทรุ่นต่อรุ่น จึงมีการถ่ายทอดงานและประสบการณ์ในการทำงานอย่างดีเยี่ยม ผู้บริหารในแต่ละรุ่นต่างมีความสามารถและใช้ความสามารถมาพัฒนาและแก้ไข สถานการณ์ต่างๆของเบียร์สิงห์ได้เป็นอย่างดี อาทิเช่น ช่วงหนึ่งที่เบียร์ช้างเข้ามาตีตลาดและกลายเป็นเจ้าตลาดไปในที่สุด ในปี 2544 แต่ผ่านไปได้ไม่กี่ปี คุณสันติ ภิรมย์ภักดี ก็นำทีมเบียร์สิงห์ก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งอีกครั้งในพ.ศ.นี้ เป็นต้น
5. มีจุดยืนที่ชัดเจนและแตกต่าง
หาก พูดถึงเบียร์ไทย เบียร์อันดับต้นๆหรืออาจจะเป็นอันดับแรกที่นึกถึง คือ เบียร์สิงห์ ด้วยชื่อเสียงของแบรนด์ที่สั่งสมมานาน และคงคอนเซปต์เบียร์สิงห์ เบียร์ไทยมาโดยตลอด ทำให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ได้ดี และมีลูกค้าที่ซื่อสัตย์ต่อแบรนด์อยู่เป็นจำนวนมาก การใช้โลโก้รูปสิงห์เป็นอีกเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งทั้งเบียร์ไทยและเบียร์เทศ
6. วิสัยทัศน์ของผู้บริหาร
ผู้ บริหารของเบียร์สิงห์แต่ละรุ่น ต่างมีวิสัยทัศน์ที่ดี ไม่ว่าจะเป็น เน้นการสร้างแบรนด์ให้กับองค์กรและสินค้า การแตกย่อยบริษัทให้เล็กลงเพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจเรื่องงาน อีกทั้งยังคงคุณค่าความเป็นไทยไว้เสมอ และจะเห็นได้ว่าเบียร์สิงห์มีการส่งต่อถึงทายาทรุ่นที่ 4 แล้วซึ่งเป็นทายาทวัยหนุ่ม เหมาะที่จะมาสานต่อทำงาน เพราะปัจจุบันนี้การทำธุรกิจต้องอาศัยความคิดของคนรุ่นใหม่เพื่อให้ก้าวทัน คู่แข่งและก้าวทันโลกอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นวิสัยทัศน์ของผู้บริหารจึงเป็นเป็นแรงผลักดันสำคัญอย่างหนึ่งที่ จะทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จได้
5. ความสำเร็จที่ได้รับ/ผลที่ได้รับ
บริษัทเบียร์สิงห์ มีการจัดการความรู้ที่ดี และบุคคลากรมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในทุกระดับชั้นผู้บริหารมีแรงผลักดันสู่ความสำเร็จและสินค้าเป็นที่ครองใจคนไทยมายาวนาน
บล็อกที่ชื่อ Nalinee เป็นงานของ นางสาวทิพยา พลังองอาจ ค่ะ
ให้ศึกษาองค์กรธุรกิจที่ประสบความสาเร็จในการจัดการความรู้ “Minor Group”
1. วิสัยทัศน์/ พันธกิจ จุดอ่อนและจุดแข็ง
วิสัยทัศน์ เป็นผู้นำในธุรกิจเพื่อการพักผ่อน สันทนาการ ร้านอาหาร และผู้จัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์แฟชั่น ด้วยการนำเสนอผลิตภัณท์ และบริการที่สร้างความพึงพอใจ 100% ให้กับลูกค้าพนักงาน ผู้ถือหุ้น และคู่ค้า
พันธกิจ เป้าหมายในอนาคตปี 2556 ซึ่งเข้า สู่ปีที่ 43 บริษัทมีความตั้งใจเข้าสู่ตลาดระดับสากลโดยใช้กลยุทธ์เชิงบุก ได้ตั้งเป้าหมายจำนวนสาขาร้านอาหารอยู่ที่ 1,200 สาขา ทั้งในและต่างประเทศและโรงแรมในสัญญาบริหารกับไมเนอร์ ภายใยเบรนด์อนันตราที่มีมากกว่า 30 แห่ง หรือจำนวน 5,500 ห้อง โดยใช้กลยุทธ์ลงทุนเอง
พิจารณา “SWOT” ในธุรกิจอาหาร
จุดแข็ง (Stregh)
1) มี Brand อาหารบริการด่วนระดับ Premium
2) ความหลากหลายของประเภทอาหาร ทำให้มีฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น
3) ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีกำลังในการซื้อที่สูง การปรับราคาจึงไม่ส่งผลให้ยอดขายลดลง
4) การใช้วัตถุดิบตามฤดูการช่วยให้ต้นทุนทุนอาหารลดลง
5) การสั่งซื้อวัตถุดิบมีการเซ็นสัญญาล่วงหน้าไว้
6) วัตถุดิบส่วนใหญ่มาจากในประเทศ ทำให้มีต้นทุนไม่สูงมาก
7) การเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ทำให้มีอำนาจในการต่อรองมาก
8) มีกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจแบบ Franchise ซึ่งจะทำให้ต้นทุนลดลง
จุดอ่อน (Weakness)
1) Brand อาหารระดับ Premium ทำให้มีลูกค้าเฉพาะกลุ่ม
2) การเซ็นสัญญาสั่งซื้อวัตถุดิบล่วงหน้าเป็นเพียงสัญญาระยะสั้น (1ปี)
3) ธุรกิจอาหารมีความสามารถในการทำกำไรได้น้อย
4) แนวโน้มต้นทุนอาหารเพิ่มขึ้น จากราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น
พิจารณา “SWOT” ในธุรกิจโรงแรม
จุดแข็ง (Stregh)
1) ความสามารถในการสร้าง Brand ในระดับสากล
2) มี Brand อย่าง “Anantara” เป็นของตัวเอง
3) การคิดอัตราค่าบริการส่วนใหญ่ในรูปเงินบาท เพื่อลดความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน
4) ผู้บริหารและบุคลากร มีความชำนาญในการบริหารโรงแรมระดับ Premium
5) การบริการที่เน้นความเป็นไทย เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
6) การให้บริการที่ครบวงจร ทั้งห้องจัดเลี้ยง สปา และ F&B
7) MINT มีบริษัทนำเที่ยวที่เป็นสมาชิกจำนวนมาก
8) รับบริหารจัดการโรงแรมทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งธุรกิจดังกล่าวมีต้นทุนในการดำเนินงานต่ำ
9) การขยายธุรกิจด้วยการร่วมทุน ทำให้ต้นทุนในการขยายธุรกิจต่ำกว่าลงทุนเอง และ Partner ยังช่วยเพิ่มประสบกาณ์และโอกาสในการยายธุรกิจของ MINT
จุดอ่อน (Weakness)
1) โรงแรมในกลุ่ม MINT เป็นระดับ Premium ซึ่งทำให้ต้องใช้ต้นทุนในการก่อสร้างสูง
2) อัตราค่าห้องพัก และค่าบริการที่สูง จึงไม่ครบคลุมนักท่องเที่ยวที่มีฐานะปานกลาง
3) ต้องเสียค่าธรรมเนียมการใช้ Brand อย่าง “Four Seasons และ Marriott”
2.กลยุทธ์ของการจัดการความรู้/แนวทางการจัดการความรู้
คุณปัทมาวลัยได้นำเสนอกลยุทธ์ HR ของ Minor Group ดังนี้
1. Everyday recruitment สมัยก่อนเธอเคยใช้วิธีประกาศรับสมัครงานในหน้าหนังสือพิมพ์เป็นหลักในการสรรหาคน ซึ่งเธอพบว่าคนมีฝีมือนั้นมักไม่หางานตามหน้าหนังสือพิมพ์ เธอจึงหันมาใช้บริการของ Head Hunter ซึ่งพอนานๆ เข้าก็ได้ผลไม่แตกต่างจากการลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์นัก เพราะคนดีมีฝีมือระดับ Top Talent นั้นเขาไม่หางานค่ะ แต่งานต้องวิ่งไปหาเขาแทน ประมาณว่านายจ้างต้องเอาสวิงวิ่งไล่จับหาคนเก่งนั่นแหละ แล้วก็ไม่ต้องรอให้ตำแหน่งว่างแล้วค่อยคิดสรรหาคนเก่งนะคะ ปัจจุบันนี้คุณปัทมาวลัยเธอบอกว่า ถ้าเจอคนดีมีฝีมือที่ไหน เมื่อไรละก็ เธอจะนัดพูดคุยเพื่อสัมภาษณ์และชักชวนเข้ามาทำงานกับบริษัททันที นี่ละค่ะคือที่มาของ “Everyday recruitment”
2. School and academy Minor Group กำลังรุกไปข้างหน้าในการสร้างแผนระยะยาวในการพัฒนาพนักงาน โดยจะจัดสร้างโรงเรียนการบริหาร สถาบันฝึกอบรมธุรกิจด้านแฟชั่น ซึ่งจะให้พนักงานเข้าฝึกอบรมในโรงเรียนหรือสถาบันของบริษัท และเมื่อฝึกอบรมจบหลักสูตรแล้วก็จะมีประกาศนียบัตรด้วย นี่คือความก้าวหน้าของบริษัทของไทยเราที่จัดการเรื่องการฝึกอบรมและพัฒนาพนักงานอย่างจริงจังเป็นรูปธรรม เช่นเดียวกับบริษัทธุรกิจชั้นนำของโลกที่มีการเปิดวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยให้การศึกษาอบรมแก่พนักงาน เช่นมี Disney University, McDonald's University เป็นต้น
3. Focus at core competency, matching business core competency and people core competency ในการบริหารและพัฒนาพนักงานให้มีคุณสมบัตินั้น สิ่งที่ Minor Group มุ่งเน้นคือ ในเบื้องต้นบริษัทเองจะต้องตระหนักก่อนว่าจุดเด่นที่เป็นความสามารถเชิงธุรกิจของบริษัทคืออะไร จากนั้นจึงจะสามารถระบุได้ว่าความสามารถและคุณสมบัติของพนักงานที่ต้องการมีอะไรบ้าง จึงจะทำงานเพื่อสนับสนุนให้บริษัทบรรลุเป้าหมายธุรกิจที่ต้องการ เช่นนี้คือการที่บริษัทต้องทำการสำรวจเพื่อรู้จักตนเองก่อน คือต้อง “รู้เรา” ก่อนที่จะ “รู้เขา” คือสรรหาคนที่มีลักษณะต้องประสงค์ สำหรับประเด็นนี้ผู้เขียนมีความเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะมีหลายบริษัทที่ทำผิดพลาดในเรื่องการสรรหาคนโดยไม่ได้ทำการบ้านเพื่อรู้จักตนเองก่อน โดยมุ่งเน้นรีบร้อนหาคนที่ใครๆ เขาว่าเก่งว่าดี แล้วรีบไปซื้อตัวมาบรรจุเข้าทำงาน เพื่อที่จะมาพบในภายหลังว่า คนที่ตัวเองอุตสาหะไปแย่งตัวมาได้ แม้จะเป็นคนเก่ง แต่ไม่ใช่คนที่เหมาะสมกับบริษัทเลย ดังนั้นพึงให้ความสนใจในการวิเคราะห์ตนเองก่อนค่ะ
4. Pay per talent กลยุทธ์ประการสุดท้ายนี้ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากลยุทธ์ 3 ประการแรกที่คุณปัทมาวลัยได้นำเสนอให้ชาวศศินทร์ได้ฟัง สมัยนี้ใครๆ ก็ทราบว่า เป็นสมัยที่การดูดตัวคนดี คนเก่ง ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง หรือบุคลากรที่เป็นพนักงานขององค์กรต่างๆ นั้น เป็นกลวิธีแก้ปัญหาระยะสั้นเรื่องการขาดคนที่ใครๆ ชอบทำกัน (แต่ไม่ทราบว่าแก้ปัญหาระยะสั้นเพื่อสร้างปัญหาระยะยาวหรือเปล่า?) ดังนั้นในฐานะผู้รับผิดชอบงาน HR คุณปัทมาวลัยกล่าวว่า Minor Group มีวัฒนธรรมการทำงานที่โปร่งใส ยุติธรรม เน้นความสามารถและผลงานเป็นหลักในการให้รางวัลและเลื่อนขั้นพนักงาน ดังนั้นผลตอบแทนของบริษัทจึงขึ้นอยู่กับความสามารถของพนักงานอย่างแท้จริง ว่ากันว่าเงินเดือนและโบนัสของ Minor Group นี้จุใจจริงๆ เพราะว่าเขามีการให้โบนัสรายเดือนด้วยนะคะ ไม่ต้องไปรอจนสิ้นปีหรอก อย่างนี้เรียกว่ากรรมดีตามทันให้เห็นๆ เลย!
3.ขอบเขตและเป้าหมายการจัดการความรู้
บริษัทส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้กรรมการ และผู้บริหาร เข้ารับการฝึกอบรมและพัฒนาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลกิจการของบริษัท รวมทั้งได้จัดให้มีการปฐมนิเทศสำหรับกรรมการใหม่เป็นประจำทุกครั้งที่มีการแต่งตั้งกรรมการใหม่ โดยจัดให้มีเอกสารคู่มือเกี่ยวกับกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บทบาท อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของกรรมการ แนวทางกำกับดูแลกิจการ หนังสือบริคณห์สนธิ หนังสือรับรอง ข้อบังคับและระเบียบบริษัท วิสัยทัศน์ เป้าหมาย ข้อมูลการดำเนินงานและกิจกรรมของบริษัท รวมทั้งจัดให้กรรมการเข้าร่วมประชุมที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดวิสัยทัศน์และแผนธุรกิจร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของพนักงานที่มีต่อความสำเร็จของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจตัวแทนจำหน่ายสินค้า ซึ่งมีพนักงานขายจำนวนมากทำหน้าที่เป็นตัวแทนของบริษัทในการติดต่อกับลูกค้า ดังนั้น บริษัทได้การจัดฝึกอบรมให้กับบุคลากร ให้มีความรู้ ความเข้าใจเป็นอย่างดีในสินค้า การบริการและธุรกิจของบริษัท นอกจากนี้บริษัทมีการพัฒนาบุคลากรทุกระดับด้วยวิธีการต่างๆ ตามบทบาท หน้าที่ความรับผิดชอบและตามแผนพัฒนาองค์กรและบุคลากรในด้านต่างๆ อีกมากมายโดยให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ค่านิยมองค์กรและเป้าหมายธุรกิจ เช่น ฝึกทักษะความชำนาญเป็นผู้เชี่ยวชาญ ทักษะผู้นำ กลยุทธ์และการจัดการสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้เติบโตก้าวหน้าไปพร้อมกับการเติบโตของธุรกิจและองค์กร
4. ขั้นตอนการจัดการความรู้/กระบวนการจัดการความรู้
1. การวางแผน (Planning)
เข้าสู่ปีที่ 40 ของไมเนอร์(ปี 2553) ได้ตั้งเป้าหมายจำนวนสาขาร้านอาหารอยู่ที่ 1,200 สาขาทั้งในและต่างประเทศ หรือสองเท่า จากตอนนี้ที่มีอยู่ และโรงแรมในสัญญา บริการกับไมเนอร์ภายใต้แรนด์ อันนตรา ที่มากกว่า 30 แห่ง หรือจำนวนห้องราว 5,500 ห้อง มีกำหนดกลยุทธ์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยใช้ กลยุทธ์(Asset Light) แผนการขยายธุรกิจในโรงแรมและอาหาร มุ่งเน้นการลงทุนรูปแบบประหยัดสินทรัพย์ ลดการลงทุนเอง
2. การจัดองค์กร (Organizing )
บริษัท ไมเนอร์ จัดการกิจการ เกี่ยวกับการวางแผน และสรรหาบุคคลที่มีคุณภาพ เป็นผู้รับผิดชอบและปฏิบัติงาน มีการจัดโครงสร้างองค์กร จัดกลุ่มงานและ จัดสายการบังคับบัญชาที่ชัดเจน รวมทั้งส่งเสริมให้พนักงาน พัฒนาความรู้ความสามารถโดย จัดส่งพนักงาน ไปทำการฝึกอบรมยังต่างประเทศ หรือ จ้างผู้เชี่ยวชาญมาฝึกอบรมให้ในประเทศ เพื่อให้องค์กรอยู่รอด และเจริญเติมโตต่อไปได้ แม้สิ่งแวดล้อมจะเปลี่ยนไป ในลักษณะใดก็ตาม
กุญแจความสำคัญของไมเนอร์ อยู่ที่ “PEOPLE” หรือพนักงานในองค์กร ต้องใช้เวลาสร้าง Step By Step และ One people at a time เพราะวัฒนธรรมองค์กรไม่สามารถสร้างในเวลาแค่ข้ามคืน และยังต้องสร้างวินัย เพื่อให้คนเข้าใจองค์กรด้วย รวมทั้งมีการจูงใจให้พนักงาน มีการรักในองค์การ เพื่อสร้างความสามัคคีในองค์การ
3. การควบคุม (Controlling )
มีการควบคุมโดยการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ ของแต่ละฝ่าย แต่ละแผนก โดยใช้ทฤษฏี 3P คือ
Process Performance People มีการกำหนดมาตรฐาน การวัดผลงาน โดยการมีการใช้ KIP ในการวัดผล
และการแก้ไขปรับปรุงในการปฏิบัติงาน เพื่อให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้
5.ความสำเร็จที่ได้รับ/ผลที่ได้รับ
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (“MINT”) ได้รับรางวัล 2012 SOUTHEAST ASIA CHALLENGERS จากบริษัท Boston Consulting Group ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางกลยุทธ์ชั้นนำระดับโลก จากเป้าหมายและกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการขยายธุรกิจในต่างประเทศ ส่งผลให้ MINT ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้ประกอบธุรกิจระดับภูมิภาค จากการเข้าซื้อกิจการโรงแรมชั้นนำในประเทศออสเตรเลีย จนถึงการขยายธุรกิจร้านอาหารที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คุณวินเซนต์ ชิน Senior Partner and Managing Director (Head of Southeast Asia) จาก Boston Consulting Group กล่าวว่า “จากการพิจารณาบริษัทกว่า 500 แห่งที่มีผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Boston Consulting Group ได้คัดเลือก จนเหลือเพียง 50 บริษัท ซึ่งบริษัทที่ได้รับรางวัลเหล่านี้ ต่างเป็นผู้นำตลาด มีความสามารถในการเติบโตที่เร็วกว่าคู่แข่ง และมีศักยภาพในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศด้วยกันทั้งสิ้น และในโอกาสนี้ Boston Consulting Group มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะมอบรางวัลให้กับบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นตัวแทนของประเทศไทยที่มีความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมอุปโภคบริโภคและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว”
นายวิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว “MINT ได้พัฒนาและเติบโตเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการโรงแรมและร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคนี้ โดยบริษัทให้บริการครอบคลุมทั้งโรงแรมรูปแบบบูติคแคมป์สุดหรูในแอฟริกา ตลอดจนเครือโรงแรมและร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย และแม้ว่าบริษัทจะต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ จากปัจจัยทั้งภายในและต่างประเทศ แต่บริษัทยังมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้น ผู้ให้เงินกู้ ตลอดจนพนักงานทุกคน และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับภูมิภาค ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้ เป็นผลจากการวางแผนกลยุทธ์ที่บริษัทได้วางรากฐานในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประกอบกับความมุ่งมั่นของผู้บริหารและพนักงานของบริษัท ที่ช่วยเสริมสร้างฐานธุรกิจให้แข็งแกร่ง ให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ”
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจระดับสากล โดยประกอบ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่น MINT เป็นผู้นำในธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย โดยมีร้านอาหารกว่า 1,200 สาขา ใน 15 ประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า เดอะ พิซซ่า คอมปะนี สเวนเซ่นส์ ซิซซ์เลอร์ แดรี่ควีน เบอร์เกอร์คิง ไทยเอ็กซ์เพรส เดอะ คอฟฟี่ คลับ และ ริปส์ แอนด์ รัมส์ อีกทั้งยังเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจโรงแรมทั้งในรูปแบบเป็นเจ้าของเอง บริหารจัดการ และร่วมลงทุน โดยมีโรงแรมทั้งสิ้น 40 โรงแรม และ 38 เซอร์วิส สวีท ภายใต้เครื่องหมายการค้า อนันตรา อาวานี่ โอ็ค แมริออทส์ โฟร์ซีซั่นส์ เซ็นต์ รีจิส เอเลวาน่า และโรงแรมในกลุ่มไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ในประเทศไทย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มัลดีฟส์ เวียดนาม ทานซาเนีย เคนย่า ตะวันออกกลาง ศรีลังกา และอินโดนีเซีย นอกจากนี้ MINT ยังเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นจากต่างประเทศ ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสำอาง และธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้า โดยมีโรงงานเป็นของตัวเอง เครื่องหมายการค้าที่ MINT เป็นผู้จัดจำหน่ายได้แก่ แก๊ป เอสปรี บอสสินี่ ชาร์ลสแอนด์คีธ เพโดร เรดเอิร์ธ บลูม ทูมี่ เฮงเคล อีทีแอล เลินนิ่ง และ ไทยเซล
นายอำพล คงกระพันธ์ 2531051641142
องค์กรธุรกิจที่ประสบความสาเร็จในการจัดการความรู้คือ ไทยแอร์เอเชีย
แอร์เอเชีย สายการบินชั้นนำของเอเชีย ที่ก่อตั้งขึ้นภายใต้แนวคิดให้ทุกคนมีโอกาสใช้บริการการบินเชิงพาณิชย์อย่างเท่าเทียมกัน นับตั้งแต่ปี 2001 แอร์เอเชียเปลี่ยนแปลงความเชื่อเดิมและเติบโตอย่างรวดเร็ว จนได้รับการยอมรับเป็นสายการบินที่ดีที่สุดในระดับโลก พร้อม ๆ กับการพัฒนาเครือข่ายเส้นทางที่ครอบคลุมกว่า 20 ประเทศ การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และมีนวตกรรมการบิน พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพเช่น แอร์เอเชียเอ็กซ์ ไทยแอร์เอเชีย อินโดนีเซียแอร์เอเชีย แอร์เอเชียฟิลิปปินส์ และ แอร์เอเชียเจแปน เพื่อยืนยันการเป็นสายการบินราคาประหยัดที่ทำให้ “ใครๆ ก็บินได้” อย่างแท้จริง
1. วิสัยทัศน์/พันธิกิจ จุดอ่อนและจุดแข็ง
-วิสัยทัศน์ ไทยแอร์เอเชียมุ่งมั่นเป็นสายการบินราคาประหยัดชั้นนำในภูมิภาค เพื่อให้บริการผู้โดยสารในราคาคุ้มค่ามากที่สุด ผ่านการบริการที่มีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือและคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด
– พันธกิจ เราคือสายการบินราคาประหยัดรายแรกของประเทศไทย ที่มีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อพลิกโฉมการเดินทางทางอากาศ และเปิดโอกาสให้ “ใคร ใคร… ก็บินได้” พวกเราเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยพลังที่จะก้าวไปข้างหน้า และมีใจที่เปิดกว้าง พร้อมจะคว้าทุกโอกาสด้วยความมุ่งมั่น
เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของบริษัท Air Asia เมื่อเทียบกับคู่แข่งขัน
ข้อได้เปรียบ (Strength)
1.) บริษัทสามารถลดต้นทุนได้มากกว่าคู่แข่งขัน
2.) มีการกระจายการลงทุนทำให้ลดความเสี่ยงและยังช่วยเพิ่ม market shareให้กับบริษัทได้
3.) สามารถเข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศสิงคโปร์ได
4.) บริษัทมีทีมบริหารที่ดี
5.) นำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้
6.) ความได้เปรียบจากการที่บริษัทมีขนาดใหญ่
ข้อเสียเปรียบ (Weakness)
1.) ความไม่สะดวกสบายของลูกค้า
2.) ปัญหาตัวแทนผู้นำบริษัท
2. กลยุทธ์ของการจัดการความรู้/แนวทางการจัดการความ
– กลยุทธ์ของ Air Asia ที่ทำให้ประสบความสำเร็จ
ทุกวันนี้การแข่งขันภายในอุตสาหกรรมการบินนั้นสูงมากเห็นได้จากในช่วง2ปีก่อนปี2000 ซึ่งเป็นช่วงที่การแข่งขันทั่วทั้งเอเชียกำลังเริ่มขึ้นโดยพวกสายการบินขนาดใหญ่ที่พยายามยึดครองตลาดเอเชีย ทุกๆบริษัทพยายามสร้างกลยุทธ์เพื่อที่จะแข่งขันกับคู่แข่งขันภายในอุตสาหกรรมได้ซึ่งก็มีหลายๆแห่งใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างเพื่อใหองค์กรของพวกเขาดีกว่าคู่แข่งขันในการจะแข่งขันกับคู่แข่งขันในสภาพแวดล้อมธุรกิจนั้น องค์กรจะต้องสร้างกลยุทธ์เพื่อจะมองภาพเป้าหมายระยะยาวของพวกเขาและต้องสามารถทําให้สําเร็จให้ได้ยิ่งไปกว่านั้นการจะทำเป้าหมายระยะยาวและธุรกิจของพวกเขาให้สำเร็จได้องค์กรจะต้องระบุให้ได้ถึงStrategic management เพราะstrategic managementที่ดีจะช่วยให้hvision และ missionที่วางไว้สําเร็จได้ เสมือนเป็นความสำเร็จทางธุรกิจในหัวข้อนี้strategic managementกลายเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากเรื่องของการอยู่รอดของธุรกิจ, e-commerce การเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จในทุกวันนี้มี 2 เหตุผลที่ต้องการในการพิจารณาเพื่อความสําเร็จในการบริหารองค์กร องค์กรต้องพิจารณาถึงความสามารถขององค์กรและทำอย่างไรจะ Integrate มันทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ประเด็นหลักในทั้งปัจจัยภายในและภายนอกสามารถระบุไดโดย SWOT analysisโดยปัจจัยภายในสามารถทําให้มองเห็นถึงจุดแข็งและจุดอ่อนในองค์กรและปัจจัยภายนอกทำให้สามารถเห็นโอกาสและอุปสรรคของสิ่งแวดล้อมภายนอกยิ่งปกว่านั้นอุตสาหกรรมการบินเป็นสิ่งที่มีเอกลักษณ์และน่าหลงใหล ทำให้มีผู้คนมากมายสนใจในอุตสาหกรรมนี้เพราะมีกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทั่วโลกจึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ Air Asiaในการเริ่มทำอุตสาหกรรมนี้ทั้งมีการเติบโตของจำนวนผู้ใช้บริการทั่วโลกอันเป็นสิ่งตอกย้ำถึงโอกาสที่ดีอย่างมากในขั้นการดำเนินงานเนินธุรกิจของ Air Asiaซึ่งการจะทําให้ลูกค้าหันมาสนใจ Air Asiaนั้น Air Asia จะต้องพัฒนาและสร้างกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมรวมถึงจัดข้อเสนอพิเศษให้กับลูกค้าเพื่อความสำเร็จในการดำเนิน ธุรกิจAir Asiaไดรับรางวัลมามากมายตั้งแต่ปี 2001จนถึงทุกวันนี้และยังมีกลยุทธ์ที่ดีที่ช่วยทำให้AirAsiaเป็นผู้นําในสายการบินราคาตํ่าของโลก
3. ขอบเขตและเป้าหมายการจัดการความรู้
เป้าหมายการทำงาน เพื่อเป็นสายการบินราคาประหยัดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ที่สามารถให้บริการแก่ผู้โดยสารที่มีข้อจำกัดด้านค่าโดยสารและการเชื่อมเส้นทางกว่า 30 ล้านคน
4. ขั้นตอนการจัดการความรู้/กระบวนการจัดการความรู้
– ลักษณะการดำเนินการเชิงกลยุทธ์ของแอร์เอเชีย
แอร์เอเชียได้ใช้ความเป็นผู้นําด้านต้นทุน (Cost Leadership) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ระดับธุรกิจโดยบทความนี้จะกล่าวถึงการดำเนินการเชิงกลยุทธ์ของแอร์เอเชียซึ่งเป็นกลยุทธ์ระดับธุรกิจและอธิบายถึงวิธีการดําเนินการเชิงกลยุทธ์เพื่อสนับสนุนความเป็นผู้นําด้านต้นทุนของแอร์เอเชียด้วยความเป็นผู้นำด้านต้นทุน จึงได้มีการบรูณาการในด้านต่างๆ เพื่อผลิตสินค้าและบริการที่ลูกค้าสามารถยอมรับได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งขันแม้ว่ากลยุทธ์ระดับธุรกิจของแอร์เอเชียจะเน้นที่ความเป็นผู้นำด้านต้นทุน แต่ก็มีกลุ่มเป้าหมายที่เจาะจงในตลาด การขายสินค้าและบริการจึงมีราคาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม เพื่อที่จะได้ส่วนแบ่งการตลาด ดังนั้นบริษัทจึงถูกจัดสรรให้อยู่ในกลุ่มที่เน้นในด้านการเป็นผู้นำด้านต้นทุน แอร์เอเชียที่ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ต้นทุนที่ต่ำและมีการนำกลยุทธ์การดำเนินการเหล่านี้เพื่อลดค่าใช้จ่ายของพวกเขาแต่ก็ยังคงสามารถรักษาความแตกต่างในการแข่งขันไว้ได้ดังนี้
1.Single Class ไม่มีการบริการ
2.การใช้ประโยชน์จากเครื่องบินและการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ
3. เครื่องบินเดี่ยว
4. ต้นทุนที่ต่ำ
5. ต้นทุนการกระจายต่ำ
6.การลดค่าใช้จ่ายบุคลากร
7.การเพิ่มความคุ้มครองสื่อ
8.การใช้สนามบินรอง
9. ปรัชญาต้นทุนต่ำ
5. ความสำเร็จที่ได้รับ/ผลที่ได้รับ
ไทยแอร์เอเชีย (ภาษาอังกฤษ: Thai AirAsia) (IATA: FD, ICAO: AIQ, Callsign: THAI ASIA) ด้วยสโลแกนหลัก ใครๆ ก็บินได้ (Everyone Can Fly) เป็นแรงจูงใจและกระตุ้นให้ผู้โดยสารที่ไม่เคยเดินทางโดยเครื่องบินได้เดินทางด้วยราคาที่เหมาะสม ซึ่งรูปแบบการนำเสนอคือ การเดินทางแบบเรียบง่าย การเดินทางในระยะสั้นตั๋วค่าโดยสารไม่ถูกบวกเพิ่มด้วยอาหาร และเครื่องดื่ม สายการบินไทยแอร์เอเชีย มีความโดดเด่น เนื่องจากเป็นสายการบินที่มีราคาเหมาะสม จากต้นทุนได้ถูกควบคุมในทุกวิธีการอีกทั้งวัฒนธรรมทางองค์กรที่มีการบริหารงานอย่างมืออาชีพทำให้สายการบินไทยแอร์เอเชีย เติบโตได้อย่างรวดเร็วมากภายในระยะเวลาไม่กี่ปี
นางสาวพัชรินทร์ น้อยแผลง
รหัส2531051641127
การใช้ Knowledge Management ของ กสิกรไทย
1. วิสัยทัศน์/พันธกิจ จุดอ่อนและจุดแข็ง
ต้องการจะมุ่งเป็นธนาคารสัญชาติไทยที่มั่นคงแข็งแรง นำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ยอดเยี่ยมสามารถตอบสนองที่ ลูกค้าต้องการ
จุดอ่อน
เนื้อหาในงานมีเยอะแยะมากมายถ้าเราไม่จัดเก็บให้เป็นระบบ เพื่อให้พนักงานเอาไปใช้งานได้อย่างรวดเร็วก็จะบริการลูกค้าได้ไม่ดี เพราะก่อนจะเกิดเป็นความรู้ได้ ก็ต้องเป็นข้อมูลมาก่อน ซึ่งข้อมูลนั้นก็ต้องผ่านกระบวนการเข้าใจ และนำไปใช้ จึงค่อยเกิดเป็นความรู้
จุดแข็ง
KM จะช่วยทำให้เราไปถึงปลายทางที่เราต้องการจะไปอย่างไม่พลาดพลั้ง ทั้งยังสามารถรับมือกับอุปสรรคที่ขวางกั้นได้เป็นอย่างดี
2. กลยุทธ์ของการจัดการความรู้/แนวทางการจัดการความรู้
เวลาที่เปลี่ยนไป วิธีปฏิสัมพันธ์ของคนก็เปลี่ยนไป กสิกรไทยปัจจุบันมีพนักงานทั้งรุ่นเบบี้บูมเมอร์ เจนเอ็กซ์ เจนวาย และจะทำให้ยั่งยืนได้เราจึงจัด เคเว็บเป็นสถานที่ให้พวกเขาทำกิจกรรมร่วมกัน เช่นเดียวกับเฟซบุ๊ค ไม่ว่าจะค้นหาความรู้ เอาความรู้ใส่ลงไป แชร์ประสบการณ์กัน ใส่ข้อมูลผลิตภัณฑ์ใหม่ ข้อร้องเรียนของลูกค้า และทุกๆ เรื่องที่บันเทิงและสนุกก็ใส่ลงไป พยายามทำให้เกิดชีวิต
ค่านิยมหลัก
การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
การทำงานร่วมกันเป็นทีมของทั้งเครือ
ความเป็นมืออาชีพ
การริเริ่มสิ่งใหม่
3. ขอบเขตและเป้าหมายการจัดการความรู้
ทางธุรกิจจะมีการวางแผนเพื่อกำหนดเป้าหมายทั้งระยะสั้น ระยะยาว ซึ่ง KM จะเป็นเครื่องมือที่สามารถตอบโจทย์ได้บางมิติ ส่วนเครื่องมืออื่นๆ ก็สามารถตอบโจทย์ในบางมิติ บางเครื่องมือตอบโจทย์ระยะยาว บางเครื่องมือตอบโจทย์ระยะปานกลางและระยะสั้น ดังนั้นอันดับแรกเราต้องคลี่เป้าหมายออกมาดูก่อน มันต้องไดร์ฟจากตรงนี้ และความสำเร็จมักเกิดจากการผสมผสานเครื่องไม้เครื่องมือหลายๆ อย่างด้วยกัน
4. ขั้นตอนการจัดการความรู้/กระบวนการจัดการความรู้
เลือกตัวแทนพนักงานในแต่ละฝ่ายงานเพื่อเป็นเมล็ดพันธ์ ที่เจริญงอกงามต่อได้ก็ด้วยพวกเขาไปอธิบายให้ฝ่ายงานตัวเองเข้าใจในเรื่องของ KM นอกจากนั้นยังมีการอบรมในรูปแบบเวิรค์ชอบ และพยายาม การสื่อสารในทุกช่องทาง เช่น ทีวีดาวเทียม (กสิกรทีวี) พูดคุยผ่านโลตัสโน๊ต ตลอดจนจัดเดินสายอธิบายอย่างต่อเนื่อง
อีกประเด็นที่อย่ามองผ่านก็คือ ต้องไม่ทำให้พนักงานรู้สึกเป็นภาระเพิ่มเมื่อองค์กรนำเครื่องมือบริหารจัดการเหล่านี้มาใช้งาน ต้องทำให้เนียนที่สุดดูไม่มีอะไรผิดปกติในเนื้องาน
5. ความสำเร็จที่ได้รับ/ผลที่ได้รับ
เดิมพนักงานที่จะสามารถทำงานเรื่องการค้าระหว่างประเทศได้ต้องมีประสบการณ์ 5 ปีขึ้นไป แต่เมื่อนำ KM มา Shortcut จัดอบรมเลยทำให้พนักงานเกิดความรู้ความเข้าใจได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น
ให้ศึกษาองค์กรธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในการจัดการความรู้ โดยศึกษาในหัวข้อต่อไปนี้
บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด
1.วิสัยทัศน์/พันธกิจ จุดอ่อนและจุดแข็ง
วิสัยทัศน์องค์กร
การเป็นบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มระดับ แนวหน้าโดยมุ่งเน้นที่ความเป็นเลิศเชิงพาณิชย์ ความต่อเนื่องในการพัฒนาคุณภาพสินค้าให้อยู่ในระดับพรีเมี่ยมและความเป็นมืออาชีพ
พันธกิจ
การประสาน “สัมพันธภาพ” กับผู้มีส่วนได้เสียที่มี ความสำคัญกับบริษัทในทุกๆ ด้าน โดยมอบคุณค่าที่สำคัญ 6 ประการ
• มอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงสุดให้ลูกค้าทุกกลุ่ม
• ตอบสนองความต้องการของผู้แทนจำหน่ายโดยให้บริการอย่างมืออาชีพ
• ให้ความสำคัญเรื่องผลตอบแทนจากการลงทุนให้แก่ผู้ถือหุ้น ด้วยการเติบโตของรายได้และผลกำไรที่มั่นคงและต่อเนื่อง
• เป็นแบบอย่างในด้านความเป็นมืออาชีพ ความโปร่งใส และการดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาล
• มอบความไว้วางใจ อำนาจ และรางวัลแก่พนักงาน เพื่อสร้างความร่วมรับผิดชอบ และ
• สร้างประโยชน์ให้แก่สังคมจุดอ่อน
จุดอ่อน
จุดอ่อนเบียร์สิงห์ บริหารแบรนด์สองแบรนด์ [สิงห์และลีโอ] ทำให้เติบโตช้ากว่าเบียร์ช้างที่มีแบรนด์เดียว
จุดแข็ง
จุดแข็งเบียร์สิงห์คือ คุณภาพและความมีชื่อเสียงมีมายาวนานเก่าแก่ เบียร์ไทยเจ้าแรก ซึ่งสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อได้ยินคำว่า เบียร์ไทย ผู้บริโภคสามารถเชื่อมโยงถึงเบียร์สิงห์ได้ทันที เบียร์สิงห์มีการชูจุดขายที่ว่า “เมืองไทยของเรา เบียร์ไทยของเรา”
2. กลยุทธ์ของการจัดการความรู้/แนวทางการจัดการความรู้
วัฒนธรรมและพฤติกรรมของคนในองค์กร
คนในองค์กรต้องมีเจตคติที่ดีในการแบ่งปันความรู้ และนำความรู้ที่มีอยู่มาเป็นฐานในการต่อยอดความรู้ของคนรุ่นใหม่ต่อไป องค์กรเองต้องมีวัฒนธรรมภายในแห่งความไว้เนื้อเชื่อใจและให้เกียรติกัน เคารพในสิทธิและความคิดของผู้ร่วมงานในทุกระดับ แม้เป็นบุคลากรระดับล่างก็ตาม การเรียนรู้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเรื่อง แม้แต่สิ่งที่เป็นข้อผิดพลาดในอดีต
ผู้นำและการสร้างกลยุทธ์
ผู้บริหารระดับสูงต้องมีความเชื่อในคุณค่าของคนและความรู้ที่มีในองค์กร เข้าใจในลักษณะของปัญหาและพันธกิจขององค์กร ส่งเสริมและสนับสนุนความเป็นมืออาชีพในด้านต่างๆ ให้เกิดขึ้นค้นหาและเชิดชูกระบวนการทำงานที่เป็นเลิศจากหน่วยงานภายใน เป็นต้นแบบแห่งการเป็นผู้ริเริ่ม ในการแบ่งปันและเรียนรู้ กำหนดทิศทางในการพัฒนาระบบการจัดการความรู้ภายใน วางกลยุทธ์ในการจัดทำระบบการจัดการองค์ความรู้ที่จะประสบผลสัมฤทธิ์ เช่น เลือกทำอย่างไรให้คนในองค์กรอยากนำเรื่องที่ตนรู้ออกมาแบ่งปัน โดยไม่หวาดระแวงว่าจะเสียผลประโยชน์ ถูกแอบอ้างผลงาน ถูกเพื่อนร่วมงานไม่พอใจที่ตนมีความรู้มากกว่า เป็นต้น องค์กรที่จะประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ต้องสร้างอยู่บนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจ (Trust) และการให้เกียรติซึ่งกันและกัน (Mutual Respect) โดยกุญแจสำคัญที่จะไขประตูสู่โลกที่เปิดกว้างนี้คือ ผู้บริหารสูงสุดขององค์กรนั่นเอง
เทคโนโลยี
ความพร้อมของอุปกรณ์ของเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สามารถสนับสนุนการทำงานและการเรียนรู้ของคนในองค์กรได้ การสร้างฐานข้อมูลและการจัดการระบบฐานข้อมูล ตลอดจนวิธีการที่จะทำให้คนยอมใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเป็นสื่อกลางในการรวบรวมและส่งต่อขององค์ความรู้ที่สำคัญคือ สร้างระบบการป้องกันไม่ให้คนนอกเข้ามาก่อกวนและทำความเสียหายแก่ระบบฐานข้อมูลภายในได้ ขณะเดียวกันการจัดการความรู้ ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องใช้เครื่องมือและอุปกรณ์แพงๆ เพื่อสร้างฐานข้อมูลขนาดยักษ์แต่ไม่เอื้อประโยชน์ต่อการใช้งานของคนส่วนใหญ่ในองค์กร ผู้ที่ดูแลระบบนี้ต้องมีใจเปิดกว้างและมีความเพียรพยายามที่จะให้บริการแก่ผู้ใช้ เพื่อใช้ฐานข้อมูลและระบบคอมพิวเตอร์เอื้อประโยชน์ให้คุ้มค่าเงินที่ลงทุนไป
การวัดผลและการนำไปใช้
การจัดทำระบบการติดตามและวัดผลการจัดการความรู้และประโยชน์จากการนำไปใช้ การวางระบบการบริหารการจัดการ การรวบรวมข้อมูล และการรายงานผลการดำเนินการต่างๆ ที่จะเอื้อให้แผนงานของการจัดการความรู้ประสบผลสำเร็จ เพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนให้คนในองค์กรมีความกระหายอยากเรียนรู้ และอยากมีส่วนร่วมในการสร้างฐานความรู้ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
3. ขอบเขตและเป้าหมายการจัดการความรู้
– แนวทางที่ 1 เป็นความรู้ที่จำเป็นและสนับสนุนวิสัยทัศน์ พันธกิจ ประเด็นยุทธศาสตร์ของบริษัท
– แนวทางที่ 2 เป็นความรู้ที่สำคัญต่อองค์กร เช่น ความรู้เกี่ยวกับการบริการ ประสบการณ์ความรู้ที่สั่งสม
– แนวทางที่ 3 เป็นปัญหาที่สำนักประสบอยู่ และสามารถนำ KM มาช่วยได้
– แนวทางที่ 4 เป็นแนวทางผสมกันระหว่างแนวทางที่ 1,2 หรือ 3 หรือจะเป็นแนวทางอื่นที่เห็นว่าเหมาะสม
4. ขั้นตอนการจัดการความรู้/กระบวนการจัดการความรู้
1. การสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง
เบียร์ สิงห์มีการสร้างแบรนด์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา ประมาณ 60-70 ปี เพราะผู้บริหารมองว่าหากสินค้ามีแบรนด์แล้ว ก็สามารถเข้าถึงและยึดเหนี่ยวใจของผู้บริโภคได้ อีกทั้งเพื่อต้องการสร้างแบรนด์ให้ไปไกลถึงในระดับนานาชาติ ซึ่งในขณะนี้เบียร์สิงห์ได้ขยายฐานสินค้าไปถึงอเมริกาและยุโรปแล้วเป็นที่ เรียบร้อยแล้ว
2. การคงคุณภาพสินค้า
เบียร์ สิงห์ใส่ใจเรื่องของคุณภาพสินค้าเป็นอย่างมาก ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าได้มีการลดแอลกอฮอล์ลงจาก 6% เป็น 5.5% และลดความขมลงเพื่อให้คนรุ่นใหม่ดื่มได้ง่ายขึ้น แต่เนื้อเบียร์ยังเท่าเดิม รสชาติความเป็นไทย ยังคงเหมือนเดิม ทำให้ลูกค้าของเบียร์สิงห์ที่เคยดื่มยังชื่นชอบในรสชาติและคุณภาพของเบียร์ สิงห์ตลอดมา
3. มีเอกลักษณ์ของไทย
แบ รนด์เบียร์สิงห์มีต้นกำเนิดมาจากประเทศไทยแท้ๆ จึงมีการหยิบยกเอาจุดเด่นข้อนี้มาเป็นกลยุทธ์หลักในการสื่อสารไปหาผู้บริโภค ซึ่งเป็นคนไทยเช่นกัน การเชื่อมโยงประสบการณ์ต่างๆผ่านโฆษณาหรือสื่อต่างๆ รวมถึงผ่าน touch points ทั้งหมด เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความสอดคล้องกับความเป็นไทย ยกตัวอย่างเช่น รูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นลายสุริโยทัย ทำให้สะท้อนความเป็นไทยออกมา ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมต่างๆ ลายกนก ลายไทย หรือแม้กระทั่ง สแกนที่ว่า “เบียร์สิงห์ เบียร์ไทย” จึงมัดใจคนไทยและชาวต่างชาติได้ไม่ยาก
4. การมีทรัพยากรบุคลากรที่ดี
จะ เห็นได้จากการทำงานที่ตกทอดกันเป็นทายาทรุ่นต่อรุ่น จึงมีการถ่ายทอดงานและประสบการณ์ในการทำงานอย่างดีเยี่ยม ผู้บริหารในแต่ละรุ่นต่างมีความสามารถและใช้ความสามารถมาพัฒนาและแก้ไข สถานการณ์ต่างๆของเบียร์สิงห์ได้เป็นอย่างดี อาทิเช่น ช่วงหนึ่งที่เบียร์ช้างเข้ามาตีตลาดและกลายเป็นเจ้าตลาดไปในที่สุด ในปี 2544 แต่ผ่านไปได้ไม่กี่ปี คุณสันติ ภิรมย์ภักดี ก็นำทีมเบียร์สิงห์ก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งอีกครั้งในพ.ศ.นี้ เป็นต้น
5. มีจุดยืนที่ชัดเจนและแตกต่าง
หาก พูดถึงเบียร์ไทย เบียร์อันดับต้นๆหรืออาจจะเป็นอันดับแรกที่นึกถึง คือ เบียร์สิงห์ ด้วยชื่อเสียงของแบรนด์ที่สั่งสมมานาน และคงคอนเซปต์เบียร์สิงห์ เบียร์ไทยมาโดยตลอด ทำให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ได้ดี และมีลูกค้าที่ซื่อสัตย์ต่อแบรนด์อยู่เป็นจำนวนมาก การใช้โลโก้รูปสิงห์เป็นอีกเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งทั้งเบียร์ไทยและเบียร์เทศ
6. วิสัยทัศน์ของผู้บริหาร
ผู้ บริหารของเบียร์สิงห์แต่ละรุ่น ต่างมีวิสัยทัศน์ที่ดี ไม่ว่าจะเป็น เน้นการสร้างแบรนด์ให้กับองค์กรและสินค้า การแตกย่อยบริษัทให้เล็กลงเพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจเรื่องงาน อีกทั้งยังคงคุณค่าความเป็นไทยไว้เสมอ และจะเห็นได้ว่าเบียร์สิงห์มีการส่งต่อถึงทายาทรุ่นที่ 4 แล้วซึ่งเป็นทายาทวัยหนุ่ม เหมาะที่จะมาสานต่อทำงาน เพราะปัจจุบันนี้การทำธุรกิจต้องอาศัยความคิดของคนรุ่นใหม่เพื่อให้ก้าวทัน คู่แข่งและก้าวทันโลกอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นวิสัยทัศน์ของผู้บริหารจึงเป็นเป็นแรงผลักดันสำคัญอย่างหนึ่งที่ จะทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จได้
5. ความสำเร็จที่ได้รับ/ผลที่ได้รับ
บริษัทเบียร์สิงห์ มีการจัดการความรู้ที่ดี และบุคคลากรมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในทุกระดับชั้นผู้บริหารมีแรงผลักดันสู่ความสำเร็จและสินค้าเป็นที่ครองใจคนไทยมายาวนาน
http://tangmo1117.wordpress.com/
นางสาวกานต์ชนก สุบรรณรัตน์ 2531051641117
http://layyimyai.wordpress.com
http://somthawin.wordpress.com/
นางสาวสาธิดา มหาสังข์ 2531051641168
8. ให้ศึกษาองค์กรธุรกิจที่ประสบความสาเร็จในการจัดการความรู้ โดยศึกษาในหัวข้อต่อไปนี้
1. วิสัยทัศน์/พันธิกิจ จุดอ่อนและจุดแข็ง
วิสัยทัศน์
วิสัยทัศน์เรื่องเกี่ยวกับนวัตกรรมของ SCG คณะทำงาน Inno People ที่มีบทบาทในการสร้างคนพันธุ์ใหม่ของ SCG สร้างนวัตกรรมโดยมุ่งเน้นให้พนักงานใช้ศักยภาพที่มีอยู่ สรรค์สร้าง High Value of Products and Services และเรื่องการเป็นผู้นำทางธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน
พันธิกิจ
การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วขององค์กรในปัจจุบันและในอนาคต คณะทำงาน Eager to Learn ที่มีบทบาทในการจัดกิจกรรมเพื่อให้พนักงาน SCG เป็นบุคคลที่ใฝ่หาความรู้และแบ่งปันอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้นยังมีโครงการสร้าง Facilitators เป็นจำนวนหลายรุ่น ทั้งจากโครงการ Inno Facilitator และโครงการ Constructionism เพื่อสร้างพนักงานที่ทำหน้าที่เป็น Change Agent กระจายอยู่ในแต่ละธุรกิจ
2. กลยุทธ์ของการจัดการความรู้/แนวทางการจัดการความรู้
การจัดการความรู้ของเครือซิเมนต์ไทย KM in SCG สาเหตุที่เครือซิเมนต์ไทยนำแนวความคิดเรื่องการจัดการความรู้มาใช้ในองค์กร เครือซิเมนต์ไทยมีวิสัยทัศน์ในเรื่องการสร้างนวัตกรรมโดยมุ่งเน้นให้พนักงานใช้ศักยภาพที่มีอยู่ สรรค์สร้าง High Value of Products and Services และเรื่องการเป็นผู้นำทางธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมด้านทรัพยากรบุคคลไว้สนับสนุนกลยุทธ์ดังกล่าว เครือซิเมนต์ไทยจึงนำแนวความคิดเรื่องการจัดการความรู้มาใช้ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพของพนักงานให้สามารถสร้างนวัตกรรม และเตรียมความพร้อมที่จะก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำทางธุรกิจอย่างยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน เครือซิเมนต์ไทยมีวิธีการนำระบบการจัดการความรู้ไปใช้ในองค์กรอย่างไรบ้าง เครือซิเมนต์ไทยแบ่งธุรกิจกออกเป็น 5 ธุรกิจ กับ หน่วยงานส่วงกลาง โดยมีตัวแทนจากแต่ละธุรกิจและหน่วยงานส่วนกลางมาเป็นคณะทำงานจัดการความรู้เครือซิเมนต์ไทย เพื่อกำหนดนโยบายต่างๆ และร่วมมือเพื่อศึกษาหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อการจัดการเรียนรู้ แต่การดำเนินงานจัดการความรู้ในระดับหน่วยงาน แต่ละธุรกิจจะเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมด สำหรับหน่วยงานส่วนกลางได้จัดตั้งหน่วยงานขึ้นเพื่อสนับสนุนและดำเนินกิจกรรมเพื่อการจัดการความรู้สำหรับหน่วยงานส่วนกลางเอง และและธุรกิจต่างๆ ในเครือซิเมนต์ไทยที่ต้องการการสนับสนุนจากส่วนกลาง โดยมีความรับผิดชอบในภารกิจดังต่อไปนี้ – ให้ความรู้แก่พนักงาน SCG ในเรื่องเกี่ยวกับการจัดการความรู้ เพื่อให้ทราบถึง ความสำคัญ ประโยชน์ที่ได้รับ วิธีการดำเนินกิจกรรมและการใช้เครื่องมือต่างๆของ KM – พัฒนาเครื่องมือเพื่อการจัดการความรู้ และจัดการฐานข้อมูลความรู้ เพื่อก่อให้เกิด การนำความรู้มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ – สนับสนุนให้หน่วยงานต่างๆ ใน SCG มีการสร้าง จัดเก็บ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ตลอดจนการนำความรู้ที่มีอยู่ไปใช้ซ้ำ หรือนำไปต่อยอดพัฒนาเป็นความรู้ใหม่ ที่ เป็นประโยชน์ต่อเป้าหมายและวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจของ SCG
1. เพื่อเป็นการดึงความรู้และศักยภาพในตัวพนักงานมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร โดยใช้วิธีการแบ่งงานตามความสามารถ
2. เพื่อเป็นการถ่ายโอนความรู้จากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง
3. ขอบเขตและเป้าหมายการจัดการความรู้
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานโดยการนำความรู้ที่มีอยู่ ในหน่วยงานหรือในแต่ละบุคคลมาใช้ซ้ำหรือนำมาต่อยอดพัฒนาเป็นความรู้ใหม่ขององค์กร ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุตามนโยบายคุณภาพของ น . บค . ที่ว่า “ มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในการพัฒนา คุณภาพบุคลากร และระบบบริหารงานบุคคลอย่างต่อเนื่อง ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทาง ธุรกิจ และความพึงพอใจของลูกค้า” กรอบแนวคิด Objective พัฒนาระดับความรู้ความสามารถและทักษะการทำงานในหน้าที่รับผิดชอบของพนักงานน . บค . KM Process and Activities 1. แต่งตั้งคณะทำงานด้านการจัดการความรู้ของสำนักงานการบุคคลกลาง 2. บริหารการเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้ก้าวไปสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ 3. ชี้ชัดให้ได้ว่าอะไรคือความรู้ที่สำคัญของ น . บค . และยังขาดความรู้อะไร 4. สร้างหรือแสวงหาความรู้แล้วรวบรวม จัดเก็บอย่างเป็นระบบใน KM Database 5. สร้างช่องทางเพื่อให้เกิดการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างพนักงาน 6. การเรียนรู้ของพนักงาน และการนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กร 7. จัดสถานที่ทำงานให้มีบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 8. จัดทำ “ ระบบพี่เลี้ยง” (Mentoring System) 9. จัดทำ “ระบบที่ปรึกษา” (Expert System) สำหรับให้คำปรึกษาหรือตอบคำถาม 10. จัดทำโครงการ “ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์จากพนักงานที่ใกล้จะเกษียณ” 11. จัดทำกิจกรรม “ทบทวนการกระทำหลังเสร็จสิ้นภารกิจ” ( After Action Review) 12. จัดทีมงานให้บริการ “บันทึกและจัดเก็บความรู้” ด้วยมัลติมีเดีย เทคโนโลยี 13. ขอการรับรองมาตรฐาน ISO 9001 : 2008 14. ทำให้เกิดเป็นวงจรการเรียนรู้ อย่างต่อเนื่องไม่รู้จบ 15 นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการสร้างเครื่องมือด้าน E-Learning และ KM KM Tools 1. Knowledge Database on Web Server with Streaming Technology 2. KM Web Portal & Web Applications : – Wiki / Blog / Webboard / Chat Room / e-CoP / e-Classroom – Search Engine 3. Knowledge Capturing Tools : – AcuLearn / SnagIT / Camtasia / MS-Producer / E-Maggazine 4. Knowledge Management Tools : – Story Telling / Show & Share – Book Briefing – Knowledge Mapping – Community of Practices (CoP) Infrastructure 1. SCG Intranet 2. MS-SharePoint 3. E-Mail
4. ขั้นตอนการจัดการความรู้/กระบวนการจัดการความรู้
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้
1. ปรับวัฒนธรรมขององค์กร ให้สอดรับกับการไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ เช่น กำหนดให้พนักงานมี ความใฝ่รู้ (Eager to Learn) เป็น Core Competency ของพนักงาน SCG ทุกคน
2. ผู้บริหารต้องเป็นตัวอย่างหรือ Role Model ที่ดี ในการเป็น Change Agent ให้พนักงานเกิดการเปลี่ยน แปลงไปสู่เป้าหมายที่วางไว้
3. สร้างบรรยากาศในการทำงานที่เอื้อประโยชน์ต่อการร่วมมือและแบ่งปันความรู้
4. สนับสนุนให้เกิดกิจกรรมกลุ่มย่อยๆ ที่สมาชิกที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกันมารวมตัวกันอย่างเป็น ทางการหรือไม่เป็นทางการ โดยมีจุดประสงค์เพื่อศึกษาปัญหาและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อเป็นช่องทางให้ความรู้ภายในองค์กรเกิดการไหลเวียน ผู้บริหารต้อง เป็น Role Model บรรยากาศที่เอื้ออำนวย สำหรับการแลกเปลี่ยน Communication สื่อสารสื่อสารให้พนักงานได้รับรู้ถึงประโยชน์และวิธีการดำเนินกิจกรรม KM ผ่านทางสื่อต่างๆ เช่น 1 . อีเมล์ / เว็บไซต์ 2. โปสเตอร์ / ป้ายไฟวิ่ง / ป้ายผ้า ( Banner) 3. แผ่นพับ ( Leaflet) / โบรชัว ( Brochour) 4. ป้ายตั้งโต๊ะที่โรงอาหาร 5. นิตยสารและสิ่งพิมพ์ต่างๆ ภายใน SCG 6. SCG TV / ถ่ายทอดสดผ่านอินทราเน็ต ตัวอย่างสื่อชนิดต่างๆ
5. ความสาเร็จที่ได้รับ/ผลที่ได้รับ
เครือซิเมนต์ไทย หรือ SCG เป็นองค์กรที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกือบศตวรรษ เราได้นำเครื่องจักรและรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตมากจากบริษัทชั้นนำในต่างประเทศ ประกอบกับการที่ SCG ได้ดำเนินกิจการร่วมค้ากับผู้นำในตลาดสินค้าหลายประเภทจึงทำให้พนักงาน SCG ซึมซับเอาความรู้ทางเทคโนโลยีการผลิตและการตลาดจากคู่ค้า มาสั่งสมไว้บวกกับประสบการณ์และความสามารถของวิศวกร SCG ที่นำเทคโนโลยีดังกล่าวมาประยุกต์ให้เหมาะสมกับบริบทของตลาดในประเทศไทย แต่เป็นที่น่าเสียดายที่องค์ความรู้เหล่านั้นกำลังจะสูญหายไปพร้อมๆ กับพนักงาน SCG ที่จากไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า เนื่องจากระบบการบริหารงานของ SCG เป็นรูปแบบ Decentralization ดังนั้น การรับรู้ข่าวสารของพนักงานก็ดี การเลือกใช้เครื่องมือการบริหารต่างๆ ก็ดี จึงมีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละธุรกิจ ซึ่งรวมถึงวิธีการและขั้นตอนการนำระบบ Knowledge Management มาใช้ด้วย แต่บนความแตกต่างนั้นยังมีจุดเชื่อมโยงความสัมพันธ์ในแต่ละธุรกิจ กล่าวคือมีการแต่งตั้งคณะทำงานด้าน KM ขึ้นใน SCG ซึ่งประกอบด้วยพนักงานระดับผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่เป็นประธาน โดยที่สมาชิกมาจากตัวแทนผู้ปฏิบัติงานด้าน KM ของแต่ละธุรกิจ โดยคณะทำงานนี้จะทำหน้าที่กำหนดนโยบายต่างๆ ด้าน KM ของเครือฯ และจัดกิจกรรมหลักที่พนักงาน SCG ทุกคนมีส่วนร่วม นอกจากนั้นยังมีการจัดตั้งคณะทำงานอื่นๆ ที่มีบทบาทสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของ KM ภายใน SCG ได้แก่คณะทำงาน Innovation ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันวิสัยทัศน์เรื่องเกี่ยวกับนวัตกรรมของ SCG คณะทำงาน Inno People ที่มีบทบาทในการสร้างคนพันธุ์ใหม่ของ SCG ที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วองค์กรในปัจจุบันและในอนาคต คณะทำงาน Eager to Learn ที่มีบทบาทในการจัดกิจกรรมเพื่อให้พนักงาน SCG เป็นบุคคลที่ใฝ่หาความรู้และแบ่งปันอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้นยังมีโครงการสร้าง Facilitators เป็นจำนวนหลายรุ่น ทั้งจากโครงการ Inno Facilitator และโครงการ Constructionism เพื่อสร้างพนักงานที่ทำหน้าที่เป็น Change Agent กระจายอยู่ในแต่ละธุรกิจ บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบอกกล่าวเล่าเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการจัดการความรู้ ที่มีแนวทางการดำเนินงานแตกต่างกันในแต่ละธุรกิจของ SCG โดยทำการรวบรวม Process และ Practices ของการ Implement ระบบการจัดการความรู้ของแต่ละธุรกิจ เพื่อเป็นกรณีศึกษาของชนรุ่นหลัง โดยแบ่งออกเป็นตอนๆ ตามแต่ละธุรกิจ สำหรับเอกสารที่อยู่ในมือ ของท่านนี้ เป็นรายละเอียดของการจัดการความรู้ของสำนักงานการบุคคลกลาง สังกัด Corporate Function บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด ( มหาชน )
เว็บอ้างอิง http://www.slideshare.net/janecastle/new-km
(นางสาวรัชนีวรรณ พันธ์บัว 2531051641107)
http://suphattra18.wordpress.com
นางสาวสุภัทรา พลายเล็ก ปี3
2531051641147
การพัฒนาซอฟต์แวร์
นางสาวสรัญญา เบ่านุวงศ์
http://kmknowledge.wordpress.com/wp-admin/post.php?post=16&action=edit&message=6&postpost=v2
https://kunyaratlovely.wordpress.com/
นางสาวกัลยารัตน์ ชินจันทึก 2531051641116
ศึกษาองค์กรธุรกิจของกฟผ. ที่ประสบความสาเร็จในการจัดการความรู้ โดยศึกษาในหัวข้อต่อไปนี้
1. วิสัยทัศน์/พันธกิจ จุดอ่อนและจุดแข็ง
วิสัยทัศน์ : เป็นองค์การชั้นนำในกิจการไฟฟ้าในระดับสากล
พันธกิจ: ผลิต จัดให้ได้มา จัดส่งหรือจำหน่ายซึ่งพลังงานไฟฟ้า พร้อมทั้งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าและธุรกิจอื่นที่เกี่ยวกับหรือ ต่อเนื่องกับกิจการของ กฟผ.
2. กลยุทธ์ของการจัดการความรู้/แนวทางการจัดการความรู้
กลยุทธ์ของการจัดการความรู้ :
1.เสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก
2.สร้างการเจริญเติบโตจากธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
3.เป็นองค์การที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี ห่วงใยสังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อม
4.เป็นองค์การสมรรถนะสูงที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
แนวทางการจัดการความรู้
มีการแบ่งปันความรู้ระหว่างบุคคล กลุ่มบุคคล หน่วยงานและองค์กร
– มีการจัดเก็บรวบรวมความรู้ (ทั้ง Explicit Knowledge และ Tacit Knowledge) ลงในคลังความรู้ของแต่ละสายงานอย่างต่อเนื่อง
– มีการเผยแพร่ระบบคลังความรู้ให้เกิดการใช้งานอย่างกว้างขวาง
– มีการประเมินผลการจัดการองค์ความรู้และเสนอแนวทางปรับปรุงแก้ไข คจร. กฟผ.
– รายงานผลการนำองค์ความรู้ (KM) ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ใน กฟผ.
มีรายงานผลการนำ KM ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ใน กฟผ. น้อยมาก ยังขาดการบันทึกที่เป็นข้อมูลของการนำผลไปใช้ของทุกสายงานยังไม่มีการรายงานผลที่ได้รับที่ชัดเจน
3. ขอบเขตและเป้าหมายการจัดการความรู้
กฟผ. มุ่งเน้นให้ผู้ปฏิบัติงานยึดถือปฏิบัติให้เกิดวิถีการทำงานร่วมกัน เพื่อพัฒนาไปสู่วัฒนธรรมองค์การและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะคน กฟผ.ในการนำไปสู่องค์การชั้นนำในกิจการไฟฟ้าในระดับสากล โดยมีขอบเขตและเป้าหมายดังนี้
1.ส่งเสริมให้บุคลากรเป็นคนดี ซื่อสัตย์ เป็นผู้มีน้ำใจไมตรี ประพฤติตนเป็นที่ไว้วางใจ และได้รับการยอมรับนับถือจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน
2.มุ่งเน้นการทำงานที่เป็นธรรม โปร่งใส คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ผลประโยชน์ของ ประเทศชาติ และประโยชน์สุขของประชาชน
3. มุ่งเน้นวัฒนธรรมการทำงานให้บุคลากรมุ่งมั่นในผลสัมฤทธิ์ของงาน ผูกพันต่อความสำเร็จขององค์การ และมีเอกภาพในการทำงาน
4.ส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรให้เป็นผู้รอบรู้ เชี่ยวชาญในงาน มองการณ์ไกล มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในระดับสากล
5.บริหารจัดการให้บุคลากรได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรมและเหมาะสม มีคุณภาพชีวิตที่ดีมั่นคง และปลอดภัย ได้รับโอกาสและมีความก้าวหน้าในการทำงานตามความสามารถ และการยกย่องชมเชย
6.มุ่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความพร้อมในการขับเคลื่อนภารกิจที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ พันธกิจ ของ กฟผ.
4. ขั้นตอนการจัดการความรู้/กระบวนการจัดการความรู้
การกำหนดแผนงานการจัดการความรู้ การทบทวนตรวจสอบความรู้ในองค์กร การค้นหาวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศการเล่าเรื่อง การทบทวนหลังปฏิบัติการ การสอนงาน เวทีเสวนา การเรียนรู้โดยการปฏิบัติ บทเรียนจากความผิดพลาด การศึกษาดูงาน การนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดเก็บ แลกเปลี่ยนความรู้ เผยแพร่ความรู้ และมาตรฐานเปรียบเทียบ อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ผู้บริหารคาดหวังคือการประยุกต์ใช้เครื่องมือเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ปฏิบัติงานและ
หน่วยงาน ดังเช่น การเล่าเรื่อง และการทบทวนหลังปฏิบัติการ ผู้บริหารอยากให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้
รู้จักการฝึกคิดนอกกรอบ มีความกล้าที่จะแสดงออก เสนอแนวทางใหม่ๆ และเกิดความสนุกสนาน
ร่วมกันในการทำงาน โดยผู้บริหารได้พยายามจัดให้มีเวทีเสวนา หรือการประกวดและนำเสนอผลงาน
ที่มีคุณภาพ ตรงตามมาตรฐานเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม และจัดหาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้เพียงพอต่อ
ความต้องการใช้งาน เพื่ออำนวยความสะดวกในการสืบค้น แลกเปลี่ยน แบ่งปันความรู้ ผ่านเครือข่าย
อินทราเน็ต กฟผ. ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาและสถานที่ในการเรียนรู้ ซึ่งจะช่วย
ให้เกิดการเรียนรู้ทั่วทั้งองค์กร นอกจากนี้ผู้บริหารก็ได้พยายามหาทางกระตุ้นและผลักดันให้ผู้ปฏิบัติ
งานสร้างนิสัยในการเขียนบอกเล่าความรู้ผ่านทางชุมชนนักปฏิบัติ (EGAT Blog) ซึ่งจะช่วยให้เกิด
การปฏิสัมพันธ์กันและเกิดความรู้แบบไม่รู้จบ
5. ความสำเร็จที่ได้รับ/ผลที่ได้รับ
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีนโยบายและการปฏิบัติในด้านCSR
CSR คือแนวคิดและทฤษฎีทางธุรกิจที่ได้รับการปลูกฝังและถ่ายทอดสู่องค์กร
ทั้งในด้านสิทธิมนุษยชน สิ่งแวดล้อม การมีส่วนร่วมในชุมชน ฯลฯ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า การมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีส่วนในการเอื้ออาทรต่อสังคม และยิ่งถ้ามองในแง่ของภารกิจในการผลิตพลังงานไฟฟ้ารายใหญ่ของประเทศ ซึ่งจะต้องมีส่วนไปเกี่ยวข้องกับชุมชน ก็ยิ่งจ าเป็นต้องวางแผนและมีการปฏิบัติด้าน CSR อย่างจริงจังและโปร่งใสในทุกขั้นตอนนโยบายที่ให้ภาพที่ชัดเจนว่า กฟผ. เอาจริงเอาจังกับความรับผิดชอบต่อสังคม คือ“นโยบายต่อประชาชน” โดยมีโครงการที่เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวาง เช่น โครงการพัฒนาพื้นที่และชุมชน กฟผ. แม่เมาะ โครงการชีววิถีเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โครงการล้างแอร์เพื่อชาติ ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการสนับสนุนด้านการศึกษา คือ โครงการความร่วมมือในการจัดตั้งวิทยาลัยเทคนิค กฟผ. แม่เมาะ ซึ่ง กฟผ. ไม่เพียงแต่ตกลงที่จะบริจาคเงินประมาณ 372.47 ล้านบาทให้แก่คณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อสร้างสถานศึกษาแห่งใหม่ขึ้นเท่านั้น แต่ในการด าเนินงานนับตั้งแต่ กฟผ. ได้อนุมัติโครงการฯ ยังได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการด าเนินงานจากภายนอกเข้ามามีส่วนร่วมในการด าเนินงานด้วย เช่น ข้าราชการและแกนน าชุมชนใน อ.แม่เมาะ คณะผู้บริหาร และอาจารย์จาก สอศ. ที่ส าคัญ คือ สถานศึกษาแห่งนี้ได้จัดการศึกษาในระบบทวิภาคีซึ่งเน้นเรื่องการฝึกอาชีพในภาคปฏิบัติอย่างเข้มข้น โดย กฟผ. ได้เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เข้ามารับการฝึกอาชีพที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะ และเหมืองแม่เมาะเป็นจ านวนมากในการรับฝึกอาชีพ กฟผ. ได้บริหารจัดการให้การฝึกอาชีพเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
นางสาวสุดารัตน์ ศรีน้อย 2531051641136
8. ให้ศึกษาองค์กรธุรกิจที่ประสบความสาเร็จในการจัดการความรู้ โดยศึกษาในหัวข้อต่อไปนี้
1.วิสัยทัศน์/พันธิกิจ จุดอ่อนและจุดแข็ง
ตอบ เพราะเราเป็นบริษัทของคนไทย ที่เติบโตก้าวหน้าไปพร้อมๆ กับความเจริญและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในสังคมไทย เราจึงมีสิ่งหนึ่งที่ยึดมั่นและถือเป็นภาระหน้าที่สำคัญ ที่ทำควบคู่ไปกับการมุ่งขยายธุรกิจให้บริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่งมาโดยตลอด คือการส่งเสริมและพัฒนาสังคมไทยให้เข้มแข็ง
จุดแข็ง
1. ยอดขายอันดับหนึ่งของโทรศัพท์เฮาส์แบรนด์ในประเทศไทย พร้อมมุ่งขยายสู่ต่างประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง
2. การวางเครือข่ายการสื่อสารผ่านดาวเทียม ครอบคลุมทั่วประเทศ
3. ติดตั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ให้แก่องค์กรภาครัฐ เช่น ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (ระบบ AIMS และ ระบบ CUTE) ของสนามบินสุวรรณภูมิ
4. การให้บริการ e-business solutions เพื่อส่งเสริมภาครัฐและธุรกิจ
5. การให้บริการศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศในประเทศกัมพูชา
6. การให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะแก่ องค์ขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน
จุดอ่อน (Weaknesses)
การลงทุนในสายงานที่ไม่ตรงกับ เป้าหมายหลักขององค์กร และไม่มีความถนัดในการดำเนินการ เช่น โครงการระบบซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ให้กับ กฟผ.
2. กลยุทธ์ของการจัดการความรู้แนวทางการจัดการความรู้
ตอบ
นโยบายด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
การมีระบบการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศภายใต้มาตรฐานสากล ISO 27001ด้านความมั่นคงปลอดภัย ในระบบสารสนเทศ เป็นหนึ่งในการเสริมความแข็งแกร่ง และความได้เปรียบในการแข่งขันธุรกิจ สร้างความเชื่อมั่นในการรักษาฐานข้อมูลทางธุรกิจให้กับนักลงทุนและลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน
นโยบายด้านทรัพยากรมนุษย์
เพราะเราเชื่อว่า “บุคลากร” เป็นทรัพยากรที่สามารถสร้างคุณค่าและเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ ดังนั้นการเพิ่มพูนความรู้ และพัฒนาทักษะในสายวิชาชีพ โดยนำเครื่องมือการบริหารทรัพยากรบุคคล อาทิ สวัสดิการและผลประโยชน์ต่างๆ รวมทั้งวิธีการพัฒนาบุคลากรที่หลากหลายและทั่วถึงพนักงานทุกระดับ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจใหม่ๆที่จะ เกิดขึ้น อาทิ
• ระบบการพัฒนาสายอาชีพที่เป็นมาตรฐาน
• การมอบหมายและงานที่สนุกและท้าทาย
• ระบบผลตอบแทนที่ดี
• ระบบการให้รางวัลที่มีประสิทธิภาพ
• ความมั่นคงในการทำงาน
3. ขอบเขตและเป้าหมายการจัดการความรู้
ตอบ เพราะเรามุ่งเสริมสร้างมาตรฐานความเป็นอยู่ของคนไทย ด้วยการพัฒนาและขยายธุรกิจอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยพลังความคิดสร้างสรรค์จนสามารถก้าวเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอย่างครบวงจร และเพื่อนำเทคโนโลยีไทย ก้าวไกล สู่สากล “กลุ่มบริษัทสามารถ” จึงมุ่งมั่นในการขยายฐานธุรกิจให้ครอบคลุมเทคโนโลยีใหม่อย่างต่อเนื่องและจริงจัง
4. ขั้นตอนการจัดการความรู้ กระบวนการจดการความรู้
ตอบ เรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง (Continuous learning & developing)
สร้างสรรค์และพัฒนางานที่รับผิดชอบ (Creative and enhancement)
มีทักษะทางด้านสังคม (Social Relationship)
มีทักษะและกระบวนการคิดที่มีเหตุผล (Logical Thinking) และเป็นระบบ (Systematic Thinking)
การปรับเปลี่ยนที่รวดเร็วเพื่อรองรับการขยายธุรกิจและการเปลี่ยนแปลง (Dynamic to Change)
ความมีประสิทธิภาพภายใต้ความกดดัน (Effective under pressure)
5. ความสาเร็จที่ได้รับผลที่ได้รับ
ตอบ เราคือบริษัทของคนไทยที่เติบโตมามากกว่า 50 ปี ที่เป็นผู้นำในการให้บริการครอบคลุมด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยครบวงจร และด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอสินค้าและบริการทางด้านเทคโนโลยีที่ก้าวไกล เพื่อนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น โดยตระหนักถึงสินค้าและบริการที่เปี่ยมคุณค่า และสามารถตอบสนองความต้องการสูงสุดของลูกค้า เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ควบคู่ไปกับการมุ่งขยายธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีบริษัทในเครือรวมทั้งสิ้นกว่า 20 บริษัท และมี 3 บริษัท ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประกอบด้วย บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน),บริษัท สามารถไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) ทั้งยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯในการพระราชทานตรา “ครุฑ” ในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปี ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดของพวกเรา
http://kittiya04.wordpress.com/
นางสาวกฤติยา องอาจ
http://ebusiness12.wordpress.com/
นางสาวนลินี อินประสิทธิ์ 2531051641124
8. ให้ศึกษาองค์กรธุรกิจที่ประสบความสาเร็จในการจัดการความรู้ โดยศึกษาในหัวข้อต่อไปนี้
1. วิสัยทัศน์/พันธิกิจ จุดอ่อนและจุดแข็ง
บริษัท Fuji Xerox ประเทศญี่ปุ่น มีการจัดตั้งหน่วยที่เรียกว่า Knowledge Dynamics Initiative (KDI) ขึ้นมา โดยเป็นหน่วยที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทต่างๆ ในเครือในการพัฒนาระบบ KM ขององค์กร รวมทั้งสามารถหารายได้จากการเป็นที่ปรึกษาให้กับองค์กรอื่นๆ ด้วย ซึ่งในการพัฒนาระบบ KM
2. กลยุทธ์ของการจัดการความรู้/แนวทางการจัดการความรู้
โดยจากวิสัยทัศน์ของบริษัทที่กำหนดว่า “สร้างบรรยากาศเพื่อสนับสนุนบุคลากรที่ใช้องค์ความรู้ (Provide environment to support knowledge worker)”จะเห็นได้ว่า บริษัท Fuji Xerox ให้ความสำคัญอย่างมากในการสร้างปัจจัยด้านบรรยากาศแวดล้อม ซึ่งที่เรียกว่า “Ba” ที่กระตุ้นและเอื้อให้คนในองค์กรเกิดความใฝ่เรียนรู้ และใช้องค์ความรู้เพื่อให้เกิดผลในทางธุรกิจ (Leverage individual ideas and passion into business results) รวมทั้งมีการสร้างCommunity of Practice (CoP) เพื่อต้องการเชื่อมโยงคนในองค์กรให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันอยู่เสมอ โดยใช้กระบวนการที่ไม่เป็นทางการ(informal) และจุดเน้นที่สำคัญคือ “การเชื่อมโยงคน” ไม่ใช่ “การรวบรวมข้อมูล” (KM is not “Collecting Data” but “Connecting People”) นอกจากนี้ บริษัทมีค่านิยมพื้นฐาน คือเปิดโอกาสให้ทุกคนที่มความคิด (ideas) สามารถเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ได้เสมอ สำหรับ Fuji Xerox ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเล็งเห็นความสำคัญขององค์ความรู้และมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรโดยใช้ความรู้
3. ขอบเขตและเป้าหมายการจัดการความรู้
การจัดการความรู้ของ Fuji Xerox นั้นเน้นความสัมพันธ์ของ 3 มิติ คือ
คน (Human Perspective)
บรรยากาศแวดล้อม (Environment Perspective)
และเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Perspective)
4. ขั้นตอนการจัดการความรู้/กระบวนการจัดการความรู้
ผู้บริหารของบริษัทยังเล็งเห็นความสำคัญว่าจุดเน้นสำคัญของการพัฒนาระบบKM ไม่ใช่อยู่ที่ “กระบวนการ (Process)” เท่านั้น แต่จะต้องให้ความสำคัญต่อ “แนวปฎิบัติ (Practice)” ดังนั้น จึงเห็นความจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาระบบ KM ของบริษัทอย่างต่อเนื่อง จึงได้ริเริ่มจัดตั้งกลุ่มธุรกิจใหม่ (new business group) เรียกว่าKnowledge Dynamic Initiatives Group (KDI) ขึ้น เพื่อทำหน้าที่เป็นกลุ่มที่ปรึกษาที่จะสนับสนุนการสร้างสรรค์ความรู้ของบริษัท และลูกค้า โดยมีจุดเน้นที่การกระตุ้นพนักงานแต่ละคน (Motivated Individuals) และการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่มีพลวัตร(Dynamic “ba”)
5. ความสาเร็จที่ได้รับ/ผลที่ได้รับ
ความจริงจังมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนระบบ KM ของผู้บริหารบริษัท FujiXerox เห็นได้ชัดเจนจากการที่ผู้บริหารเข้าร่วมกิจกรรม KM ของบริษัทในทุกกิจกรรมและเปิดโอกาสให้พนักงานร่วมทำงานในโครงการด้าน KM ต่างๆ เช่น Virtual Hollywoodซึ่งเป็นกิจกรรมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของพนักงาน โดยอนุญาตให้พนักงานใช้เวลางานบางส่วนในการดำเนินโครงการได้
จักรรินทร์ ภู่ระย้า
2531051641151